เหมืองแรร์เอิร์ธเพิ่มไม่หยุด อีก 19 แห่ง เขตกลุ่มติดอาวุธในพม่า ไทยรับสารพิษอ่วม

เหมืองแรร์เอิร์ธเพิ่มไม่หยุด อีก 19 แห่ง เขตกลุ่มติดอาวุธในพม่า ไทยรับสารพิษอ่วม

พบเหมืองแรร์เอิร์ธขนาดใหญ่แห่งใหม่ 19 แห่งในพื้นที่ควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ (NDAA) ในรัฐฉานตะวันออกของพม่า ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำโขงเพียง 40 กิโลเมตร

KEY

POINTS

  • พบเหมืองแรร์เอิร์ธขนาดใหญ่แห่งใหม่ 19 แห่งในพื้นที่ควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ (NDAA) ในรัฐฉานตะวันออกของพม่า ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำโขงเพียง 40 กิโลเมตร
  • การทำเหมืองใช้วิธีสกัดแร่แบบละลายในที่ (in-situ leaching) ซึ่งต้องใช้สารเคมีอันตรายจำนวนมากในการสกัดแร่ ก่อให้เกิดมลพิษร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม
  • น้ำเสียที่ปนเปื้อนสารพิษจากเหมืองไหลลงสู่แม่น้ำโหลย ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำโขง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนและส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยที่อยู่ปลายน้ำ

เมื่อพูดถึงแร่แรร์เอิร์ธ โลกแทบจะหันไปมองประเทศเดียวทันที นั่นก็คือ ‘จีน’ เพราะจีนไม่เพียงแต่เป็นผู้นำด้าน ‘การแปรรูป’ แร่แรร์เอิร์ธ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของกำลังการผลิตทั่วโลก แต่ยังครองตำแหน่งผู้มี ‘ปริมาณสำรอง’ แร่หายากมากที่สุดในโลกอีกด้วย

ณ ปี 2024 จีนมีแหล่งสำรองแร่แรร์เอิร์ธอยู่ประมาณ 44 ล้านตัน หรือเกือบ ครึ่งหนึ่งของทั้งหมดทั่วโลก ที่มีอยู่ราว 90 ล้านตัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ… แม้เมียนมาจะ “ผลิต” แร่แรร์เอิร์ธได้มากถึง 31,000 ตันในปี 2024 หรือ คิดเป็น 8% ของปริมาณการผลิตทั่วโลก ซึ่งถือเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และสหรัฐอเมริกา

ในช่วง 4 ปีก่อนรัฐประหารปี 2021 เมียนมาส่งออกแร่แรร์เอิร์ธไปจีนมูลค่ารวมประมาณ 665 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจาก ISP-Myanmar) แต่หลังปี 2021 จนถึง 2024 ยอดส่งออกพุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 5 เท่า เป็นประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 เมื่อกองกำลังต้านรัฐบาลขยายการโจมตีในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด

ดูเหมือนว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่กองกำลังท้องถิ่นหรือกลุ่มติดอาวุธ ในเมียนมากำลังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะการควบคุมพื้นที่โดยกองกำลังเหล่านี้ทำให้สามารถทำเหมืองได้โดยรัฐบาลกลางหรือหน่วยงานระหว่างประเทศไม่สามารถเข้าตรวจสอบ

ล่าสุด "มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไท" ใหญ่ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เผยข้อมูลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและวิดีโอคลิปล่าสุด พบเหมืองแร่แรร์เอิร์ธขนาดใหญ่ถึง 19 แห่งกำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่ควบคุมของกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (National Democratic Alliance Army - NDAA หรือ กองทัพเมืองลา) ในเขตเมืองยอง ภาคตะวันออกของรัฐฉาน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำโขงเพียง 40 กิโลเมตร

ภาพถ่ายดาวเทียมที่ย้อนกลับไปถึงช่วงต้นปี 2564 แสดงให้เห็นว่าในขณะนั้นมีเหมืองแรร์เอิร์ธเพียง 3 แห่งในพื้นที่ ซึ่งสองแห่งถูกทิ้งร้างไปแล้ว และอีกหนึ่งแห่งถูกทิ้งร้างในเวลาต่อมา เหมืองแร่ทั้งสามแห่งนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งแร่ 19 แห่งที่ค้นพบใหม่ในปี 2568 นี้ แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายากอย่างมหาศาลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

เหมืองแรร์เอิร์ธเพิ่มไม่หยุด อีก 19 แห่ง เขตกลุ่มติดอาวุธในพม่า ไทยรับสารพิษอ่วม

สถานการณ์ทางการเมือง

เหมืองแรร์เอิร์ธทั้งหมดตั้งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ NDAA ซึ่งเป็นพื้นที่ภูมิภาคการปกครองพิเศษที่ 4 ตั้งแต่มีการลงนามในความตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหารพม่าเมื่อปี 2532

นอกจากแร่แรร์เอิร์ธแล้ว ยังมีการทำเหมืองประเภทอื่นตามริมฝั่งแม่น้ำโหลย ซึ่งส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนของแหล่งน้ำ โดยพบแนวการทำเหมืองแมงกานีสที่มีความยาวต่อเนื่อง 8 กิโลเมตร ตามริมเทือกเขาที่ก่อตัวเป็นพรมแดนระหว่างพม่ากับประเทศจีน

วิธีละลายแร่ ทำลายสิ่งแวดล้อม

เหมืองแร่แรร์เอิร์ธทั้ง 19 แห่งในปัจจุบัน ต่างมีบ่อสกัดแร่ที่เรียงรายเป็นรูปวงกลมหลายแถว ลักษณะเดียวกับการทำเหมืองแรร์เอิร์ธในรัฐคะฉิ่น แสดงให้เห็นว่ามีการใช้วิธีทำเหมืองแบบละลายแร่ (in-situ leaching) เพื่อขุดแร่หายากเหล่านี้ จากวิดีโอ ที่มีการโพสต์ในโซเชียลมีเดียโดยคนงานจากเหมืองแรร์เอิร์ธ ในเขต NDAA แสดงให้เห็นการทำเหมืองแบบละลายแร่และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระสอบบรรจุสารเคมีเพื่อละลายแร่หลายพันกระสอบ และเชิงเขาที่มีการวางท่อสำหรับฉีดสารเคมีเข้าไปใช้ในการทำเหมืองแรร์เอิร์ธ

ขยายตัวต่อเนื่องท่ามกลางไฮดีมานด์

ปัจจุบันมีเหมืองแรร์เอิร์ธที่เปิดดำเนินงานแล้ว 16 แห่ง ขณะที่อีก 3 เหมือง อยู่ระหว่างการก่อสร้างในระยะเริ่มต้น โดยลักษณะพื้นที่ถูกพัฒนาเป็น บ่อสกัดแร่รูปวงกลมซ้อนหลายชั้น สะท้อนถึงกระบวนการออกแบบที่ซับซ้อนและใช้พื้นที่อย่างเป็นระบบ

ภาพการก่อสร้างล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธที่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ท่ามกลางความต้องการวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเทคโนโลยีสะอาดและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง

กระทบสิ่งแวดล้อม แม่น้ำโขง

เหมืองแรร์เอิร์ธส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงระดับ 4,000-5,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล และห่างจากพรมแดนประเทศจีนเพียง 4 กิโลเมตร มีการปล่อยน้ำจากเหมืองแร่ลงสู่คลองน้ำนับ ซึ่งไหลลงไปทางใต้และลงสู่แม่น้ำโหลย (Lwe River) ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง (Mekong River)

นอกจากนี้ ยังพบเหมืองแรร์เอิร์ธอีกสี่แห่งที่ตั้งอยู่บนภูเขาทางตอนใต้ของแม่น้ำโหลย ซึ่งมีการปล่อยน้ำจากเหมืองแรร์เอิร์ธลงสู่แม่น้ำโหลยด้วยเช่นกัน

แม่น้ำโหลยไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขงที่เมืองสบโหลย ฝั่งตรงข้ามกับแขวงหลวงน้ำทาของประเทศลาว โดยอยู่ห่างทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 125 กิโลเมตร จากจุดบรรจบแม่น้ำที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างประเทศลาว พม่า และไทย

แม่น้ำกก-สาย-รวก-โขง สารหนูเกินมาตรฐาน

ล่าสุด กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานผลตรวจคุณภาพน้ำครั้งที่ 8 (21–25 กรกฎาคม 2568) ในแม่น้ำกกและลำน้ำสาขา รวมถึงแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง หลังพบปัญหาความขุ่นและคุณภาพน้ำในพื้นที่เชียงใหม่–เชียงราย

โดยกำหนดจุดตรวจวัดรวมกว่า 20 แห่ง ผลปรากฏว่า แม่น้ำกกมีค่าสารหนูเกินมาตรฐานทุกจุดตรวจ ตั้งแต่ชายแดนไทย–พม่า อำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึง ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยพบค่าในช่วงน้อยกว่า 0.010–0.029 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่ค่ามาตรฐานกำหนดไม่เกิน 0.010 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วนลำน้ำสาขา เช่น แม่น้ำฝาง แม่น้ำกรณ์ แม่น้ำสรวย และแม่น้ำลาว ยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวกที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง พบสารหนูเกินมาตรฐานชัดเจน โดยแม่น้ำสายมีค่าระหว่าง 0.052–0.055 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วนแม่น้ำรวกมีค่าสูงสุดที่ 0.040 มิลลิกรัมต่อลิตร

ขณะที่การตรวจในแม่น้ำโขงพบสารหนูเกินมาตรฐานที่ 1 จุด และอีก 2 จุดอยู่ในระดับใกล้เคียงเกณฑ์ กรมควบคุมมลพิษจึงได้วางแผนเก็บตัวอย่างน้ำอย่างต่อเนื่องเดือนละ 2 ครั้ง และเก็บตัวอย่างตะกอนดินเดือนละ 1 ครั้ง ระหว่างเดือนพฤษภาคม–กันยายน 2568 เพื่อประเมินคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิดและหามาตรการจัดการความเสี่ยงในพื้นที่ต่อไป