“เอลนีโญ”เร่งอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงสุดเป็นประวัติการณ์

“เอลนีโญ”เร่งอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะ จากเอลนีโญอาจส่งผลให้ผลผลิตภาคเกษตรลดลงและราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น

จากรายงานของ World Meteorological Organization (WMO) เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2566 ชี้ว่าสภาวะ"เอลนีโญ" (El Niño) ที่เกิดขึ้นจะสิ้นสุดลงในเดือนเม.ย. 2567

โดยอุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยในเดือนม.ค.2567 อยู่ที่ 20.97 องศาเซลเซียส สูงที่สุดเป็น ประวัติการณ์ และเป็นอุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 

“เอลนีโญ”เร่งอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับประเทศไทย อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในช่วง เดือนม.ค. 2567 อยู่ที่ 26.3 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 1.4 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตร ที่สำคัญในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ลดลง 18.3%  ทุเรียน ลดลง37.2%  อ้อย ลดลง 11.1% ข้าว ลดลง 3.7% และยางพารา ลดลง 0.7%

นอกจากนี้ "ปรากฎการณ์เอลนีโญ"ยังส่งผลให้ระดับน้ำในคลองปานามาลดลงต่ำสุด เป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขนส่งและราคาสินค้านำเข้าของไทย โดยเฉพาะจากสหรัฐเนื่องจากการขนส่งทางทะเล ผ่านคลองปานามาคิดเป็น 6.0% ของการค้าทางทะเลโลก และเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างสหรัฐ ฝั่งตะวันออกกับ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยพบว่าจำนวนเรือขนส่งสินค้าในเดือนม.ค. 2567 ที่เดินทางผ่านคลองปานามาลดลง36.0% เทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน