เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ สานต่อ 8 ปีแห่งการอนุรักษ์สายน้ำในไทย 


เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ สานต่อ 8 ปีแห่งการอนุรักษ์สายน้ำในไทย 


น้ำดื่มเนสท์เล่ ประเทศไทย สานต่อ 8 ปีแห่งการเป็นผู้นำด้านการฟื้นฟูดูแลน้ำในประเทศไทย เดินหน้าเปิดโครงการด้านความยั่งยืน “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ (Nestlé Waters cares for Water)” ภายใต้แนวทางหลัก 3 ด้านอย่างครบวงจรเป็นรายแรก ได้แก่ เรียนรู้ ปกป้อง และฟื้นฟู

ส่งต่อแหล่งน้ำให้กับคนรุ่นต่อไปได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ในอนาคต พร้อมขับเคลื่อนคำมั่นสัญญาของหน่วยธุรกิจน้ำดื่ม เนสท์เล่ในการชดเชยน้ำทั้งหมดคืนสู่ชุมชน และธรรมชาติ หรือ "Net Water Positive" ภายในปี 2025  โดยทดแทนน้ำที่เราใช้ทั้งหมดมากถึง 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ในการผลิตที่โรงงานเนสท์เล่ วอเตอร์ส ที่อยุธยาและสุราษฎร์ธานี

น้ำเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีคุณค่าที่เราใช้ประโยชน์ร่วมกัน และมีความสำคัญในการดำรงชีวิต เนสท์เล่ บริษัทอาหาร และเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมาโดยตลอด โดยเน้นการดูแล และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นสู่เส้นทางแห่ง ‘การดูแลและฟื้นฟู’ หรือ Regeneration เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

 

 

นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ในฐานะแบรนด์น้ำดื่มชั้นนำระดับโลก มุ่งดูแล และจัดการทรัพยากรน้ำในประเทศไทย อย่างยั่งยืน และเป็นรูปธรรม โดยเริ่มจากบริเวณโดยรอบโรงงานที่อยุธยา เราได้ดำเนิน ‘โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ’ ตั้งแต่ปี 2558 มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ และจัดการทรัพยากรน้ำในคลองขนมจีนให้กับนักเรียน และชุมชน โดยที่อยุธยา เราประสบความสำเร็จในการชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชน และธรรมชาติ 100% ยิ่งไปกว่านั้น เราได้คืนวิถีชีวิตดั้งเดิมให้กับชาวบ้าน พัฒนาคลองขนมจีนให้ใสสะอาด มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ มีปลา และผักหลายชนิด นอกจากนี้ ชาวบ้านยังสามารถสร้างรายได้จากการเก็บขยะแทนการทิ้งลงแหล่งน้ำอีกด้วย” 

“ในปีนี้ ได้ต่อยอดความสำเร็จในการอนุรักษ์สายน้ำที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน ด้วยการเปิดตัวโครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ (Nestlé Waters cares for Water)” โดยเนสท์เล่เป็นบริษัทแรกที่มุ่งส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูน้ำที่ยั่งยืนอย่างครบวงจรทั้ง 3 ด้านให้กับผู้บริโภคและชุมชน ได้แก่ เรียนรู้: ให้ความรู้ และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ปกป้อง: แหล่งน้ำไม่ให้มีขยะหลุดรอดลงสายน้ำซึ่งสายน้ำเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยง และเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คน ฟื้นฟู: ด้วยการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศน้ำ โดยมุ่งขับเคลื่อนคำมั่นสัญญาของเราในการฟื้นฟูวัฏจักรน้ำสู่เป้าหมาย "Net Water Positive" ซึ่งหมายความว่า เราจะชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชน และธรรมชาติได้มากกว่าที่ใช้ในการผลิตในโรงงานของเราภายในปี 2025”

 

น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เป็นแบรนด์น้ำดื่มไทยแบรนด์เดียวที่ใช้เทคโนโลยีไมโครฟิลเตอร์กรองละเอียด 0.2 ไมครอน มาตรฐานสวิตเซอร์แลนด์ โดยน้ำดื่มทุกหยดได้ผ่านกระบวนการกรองอย่างละเอียด และปลอดภัย เพื่อส่งมอบน้ำดื่มคุณภาพที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ สะอาด สดชื่นให้กับผู้บริโภคชาวไทย  โดยโรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ ทั้ง 2 แห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการดูแล และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนระดับสากลจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) 


จากคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครจะรักน้ำไปมากกว่าชุมชนที่อยู่โดยรอบแหล่งน้ำ” เนสท์เล่ ในฐานะผู้ผลิตน้ำดื่มคุณภาพที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน จึงมุ่งสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สายน้ำร่วมกับชุมชนผ่านกิจกรรมมากมายในโครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ” ที่ครอบคลุมแนวคิด เรียนรู้-ปกป้อง-ฟื้นฟู ประกอบด้วยโครงการหลัก เช่น  

1) โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ ต่อยอดด้วยการสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ และจัดการทรัพยากรน้ำให้กับนักเรียน และชุมชน เพื่อปกป้องและฟื้นฟูคุณภาพน้ำในคลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยการขยายการมีส่วนของชุมชนทั้ง 6 ตำบล และ 7 โรงเรียนตลอดคลองขนมจีน ปัจจุบัน มีนักเรียน และชุมชนเข้าร่วมโครงการกว่า 6,000 คน

2) ตลาดนัดขยะชุมชน เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ได้ร่วมมือกับวงษ์พาณิชย์ ในการส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้กับชาวบ้าน โดยเริ่มตั้งแต่ครัวเรือน เปลี่ยนขยะให้เป็นรายได้ของชาวบ้าน เพื่อไม่ให้มีขยะหลุดรอดลงในแหล่งน้ำ โดยปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนคลองขนมจีนสามารถขายขยะเพื่อสร้างรายได้กว่า 12 ตัน ซึ่งช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 9, 600 กิโลคาร์บอน (Kgs CO2e)

3) เนสท์เล่รักษ์ชุมชน ผักตบชวาสู่รายได้ ส่งเสริมให้ชาวบ้านเก็บผักตบชวาที่เป็นวัชพืชในแหล่งน้ำ มาขายเป็นวัตถุดิบอัดเป็นไม้เทียมทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้รับประทานอาหาร ให้กับโรงเรียน โดยริเริ่มกิจกรรมใน 7 โรงเรียนโดยรอบ คลองขนมจีนก่อน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียน โรงเรียน และชุมชน 

4) เนสท์เล่รักษ์น้ำ คืนปลาสู่คลองขนมจีน เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ยังได้มีการจัดทำบ่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาท้องถิ่นหายาก 6 สายพันธุ์ ได้แก่ ปลากระทิง ปลาหลดนา ปลารากกล้วย ปลาหมูแดง ปลากราย ปลาแดง เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ และฟื้นฟูพันธุ์ปลาหายากเหล่านี้กลับคืนสู่คลองขนมจีน

โดยโครงการทั้งหมดล้วนเป็นการต่อยอดการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ของเนสท์เล่

 

นายสุชาติ พันธุ์เพ็ง ตัวแทนชุมชนคลองขนมจีน เผยว่า “เมื่อก่อน คลองขนมจีนเคยประสบปัญหาน้ำในคลองไม่สะอาด รวมทั้งขยะและวัชพืชที่อยู่ในคลอง สะสมมาเรื่อยๆ ทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่ชาวบ้านไม่ได้สนใจดูแลแหล่งน้ำ พอเนสท์เล่ได้เข้ามาทำโครงการต่างๆ ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับชุมชนของเรา นักเรียนและชาวบ้านได้มีความรู้ ความเข้าใจ และได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์คลองขนมจีน และจัดการทรัพยากรน้ำด้วยตัวเราเอง ทำให้คลองของเราใสสะอาด และอุดมสมบูรณ์ มีปลาในแหล่งน้ำ และสามารถพายเรือสัญจรในคลองตามวิถีชีวิตแบบเดิมได้”

เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข เผยว่า “รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในครั้งนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมอนุรักษ์สายน้ำ ได้มาลงมือทำกับชาวชุมชนจริงๆ ทั้งการเก็บผักตบชวาที่เป็นวัชพืชที่มากับสายน้ำ และไม่มีวันหมด นำมาทำเป็นไม้อัดเพื่อทำเฟอร์นิเจอร์มอบให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ และเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เสริม และพอเราเก็บผักตบชวาออก ก็ยังช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในน้ำให้กับสัตว์น้ำ และร่วมปล่อยพันธุ์ปลาหายากเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ทุกอย่างที่เราทำล้วนเป็นการต่อยอดในเรื่องการคืนสิ่งดีๆ หรือ Regeneration ให้กับชุมชน ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เพราะน้ำมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต จึงจำเป็นต้องรู้ถึงวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เพื่อส่งต่อทรัพยากรน้ำไว้ให้คนรุ่นหลัง” 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์