LC3 นวัตกรรมอุตฯปูนซีเมนต์ ลดปล่อยคาร์บอน 500 ล้านตันปี 73

LC3 นวัตกรรมอุตฯปูนซีเมนต์   ลดปล่อยคาร์บอน 500 ล้านตันปี 73

ข้อมูลจาก world economic forum ระบุว่า คอนกรีตถูกผลิตขึ้นในปริมาณมหาศาล ในทุกๆ ปีด้วยสัดส่วนการผลิตคอนกรีต 4 ตันต่อประชากรโลก 1 คน ซึ่งทุกขั้นตอนการผลิตเกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 8% ของปริมาณการปล่อยก๊าซทั่วโลก

การค้นหาแนวทางแก้ไขเพื่อลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศจากอุตสาหกรรมคอนกรีต ซึ่งต้องตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจด้วย   ซึ่งหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมนี้คือ “ปูนเม็ด” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในซีเมนต์ และขั้นตอนการผลิตปูนเม็ดนี้ก็มีคาร์บอนเข้มข้นมาก คิดเป็น 90% ของการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์โดยรวม 

“โชคดีที่มีกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดปริมาณปูนเม็ดที่จำเป็นในการผลิตซีเมนต์ และคอนกรีตได้อย่างมาก หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มมากที่สุดเรียกว่า ”LC3 ปูนซีเมนต์ดินเหนียวเผาหินปูน"  เป็นนวัตกรรมเปลี่ยนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่อุตสาหกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้"

การทำงานคือ การจัดการกับแหล่งการปล่อยคาร์บอนทั้งสองแหล่ง ได้แก่ จากแหล่งการผลิต“ปูนเม็ด” ด้วยการแทนที่ครึ่งหนึ่งของปูนเม็ดด้วยดินเผา และหินปูนบด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่ปล่อยคาร์บอนออกมาเมื่อถูกความร้อนผิดกับการใช้ “หินปูน” ทำ 

แหล่งที่สองคือ การใช้ดินเหนียวที่จะใช้ความร้อนในกระบวนการผลิตในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าซึ่งจะช่วยลดปริมาณเชื้อเพลิงไปได้มากกว่าที่จะเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานที่สะอาด เช่น ไฟฟ้า 

"การผลิตปูนเม็ด LC3 สามารถลดการปล่อย CO2 ได้ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับซีเมนต์ทั่ว ด้านการใช้งานปูน LC3 ก็ใช้งานได้เช่นกัน แต่มีคุณสมบัติน้ำ และเกลือซึมผ่านได้น้อยกว่า ทำให้ถนนและสะพานคอนกรีตมีความทนทาน และยาวนานยิ่งขึ้น ช่วยลดต้นทุนในการเปลี่ยนทดแทน"

ขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตตัวปูนเองเมื่อต้องใช้พลังงานน้อยกว่าก็ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เฉลี่ย 25%  หากดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง และแพร่หลาย จะทำให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 500 ล้านตันในปี 2573" 

ความนิยมการใช้ ปูน LC3 กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันมีการผลิตในโรงงานหลายแห่งทั่วโลก สำหรับดินเผาแต่ละตันที่ผลิตขึ้น จะประหยัด CO2 ได้ 600 กิโลกรัม ภายในสิ้นปี 2566 สามารถช่วยลดคาร์บอนได้ประมาณ 15 ล้านตัน ภายในปี 2568 คาดว่าปูน LC3 จะช่วยประหยัดวัตถุดิบได้ 45 ล้านตัน

ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำหลายรายกำลังอยู่ในกระบวนการนำปูนซีเมนต์ดินเผามาใช้ อย่างเช่น Holcim บริษัทข้ามชาติของสวิตเซอร์แลนด์ที่ผลิตวัสดุก่อสร้าง ได้ประกาศเมื่อเดือนม.ค.2566 เปิดดำเนินการโรงงานแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสให้จัดส่งปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำได้มากถึง 500,000 ตันต่อปี  ขณะที่ Argos Cementos ในโคลัมเบียผลิตซีเมนต์ LC3 ได้ 2.3 ล้านตันต่อปี ซึ่งได้นำไปใช้ในท้องถิ่นในการก่อสร้างถนน อุโมงค์ และอาคาร

 

 

 

โดยในอนาคตของซีเมนต์ในโลก ในอีกหลายปี และหลายทศวรรษข้างหน้า การก่อสร้างใหม่ส่วนใหญ่ทั่วโลกจะเกิดขึ้นในพื้นที่ซีกโลกใต้ โดยเฉพาะในแอฟริกา ซึ่งคาดว่าจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้น 1 พันล้านคนภายในปี 2593 นั่นหมายถึงจะต้องมีปูนซีเมนต์จำนวนมากการลดปริมาณปูนเม็ดในซีเมนต์จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตปูนซีเมนต์

นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงการออกแบบ และประสิทธิภาพของคอนกรีตที่ใช้ในโครงสร้าง และอาคารได้อีกด้วย Global Cement and Concrete Association ประมาณการว่าสิ่งนี้สามารถประหยัดคอนกรีตได้ 22% ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนด้วย 

สุดท้ายนี้ การปรับองค์ประกอบการออกแบบบางอย่าง และการเพิ่มประสิทธิภาพรวมทั้งวัสดุรีไซเคิลจะช่วยลดผลกระทบของคอนกรีตต่อสภาพภูมิอากาศอีกด้วยหากนำกลยุทธ์เหล่านี้ทั้งหมดมารวมกัน จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากปูนซีเมนต์ และคอนกรีตได้สูงสุดถึง 80% โดยใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ผู้มีส่วนได้เสียทั่วทั้งอุตสาหกรรมจะต้องทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ผู้ผลิตปูนซีเมนต์และคอนกรีต ผู้รับเหมา และคู่ค้า ทีมออกแบบ และเจ้าของ ได้อย่างยั่งยืน

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์