"เอ็กโก" ชี้ ฟอสซิลยังสำคัญ ดันเทคโนโลยี เพิ่มพอร์ตพลังงานสีเขียว

"เอ็กโก" ชี้ ฟอสซิลยังสำคัญ ดันเทคโนโลยี เพิ่มพอร์ตพลังงานสีเขียว

"เอ็กโก" ชี้ ภาษีคาร์บอน ตัวการสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ระบุ พลังงานจากฟอสซิลยังสำคัญ เร่งใช้เทคโนโลยี-เพิ่มพอร์ตพลังงานสะอาด สู่องค์กรยั่งยืน

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวในงานสัมมนา “EGCO Group Forum 2022: Carbon Neutral Pathway ปฏิบัติการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” หัวข้อ “Carbon Neutral Roadmap” จัดโดย เอ็กโก กรุ๊ป ว่า เอ็กโก กรุ๊ป เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลอยากให้เอกชนได้ร่วมผลิตไฟฟ้า ลดการลงทุนจากภาครัฐ และได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ปัจจุบันได้ขับเคลื่อนตามนโยบาย 4D1E ที่กดดันผู้ประกอบธุรกิจให้ต้องปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องในเส้นทางที่เอ็กโกได้ตั้งเป้า คือ การมุ่งสู่การใช้พลังานสะอาด การใช้เทคโนโลยีเหมาะสม และการหาพาร์ทเนอร์แข็งแรง เป็นต้น

สำหรับโรดแมปการดำเนินการ จะเริ่มให้ความสำคัญการผลิตพลังงานสีเขียว โดย 20ปี ที่แล้ว บริษัทฯ เริ่มเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าสีเขียว และขยายพอร์ตลงทุนเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ จนปัจจุบันมีทั้งโซลาร์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ ลม หรือแม้แต่ไฮโดรเจน เป็นต้น รวมกว่า 1,424 เมกะวัตต์ ที่ได้ลงทุนใน 7ประเทศ และอีก 1 ประเทศ เป็นโรงไฟฟ้าทั่วไป 

“ต่อจากนี้เราจะเริ่มพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมโดยเน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การปล่อยคาร์บอนน้อยลง แม้จะเป็นโรงไฟฟ้าจากฟอสซิล ก๊าซธรามชาติ หรือแม้แต่ถ่านหิน โดยเฟ้นหาพาร์ทเนอร์ที่ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 33 แห่ง กระจาย 8 ประเทศทั่วโลก เพื่อปรับพอร์ทลงทุนไปสู่พลังงานสะอาด”

นอกจากนี้ จากการประเมินความเสี่ยงจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม บทบาทสำคัญ 4 ด้าน คือ 1. นโยบายกฎกติกา 2. ภาษีคาร์บอน 3. เทคโนโลยี และ 4. ชื่อเสียง จะเป็นตัวขับเคลื่นการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ซึ่งเอ็กโก จะต้องวางแผนบริหารจัดการฟอสซิลให้มากที่สุด โดยเอ็กโกมุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2050 พร้อมเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซ์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ลง 10% ภายในปี 2030

นายเทพรัตน์ กล่าวว่า โลกมีความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ปีนี้ซีกโลกหนึ่งน้ำท่วม อีกซีกโลกหนึ่งแห้งแล้ง ซึ่งมีความใกล้ตัวมากขึ้น จากที่ทราบกันว่าพลังงนนหมุนเวียนมี 2 รูปแบบ คือ ลม และแสงแดด ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่เสถียร ไม่สามารถจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง 24 ชม. ซึ่งการจ่ายไฟที่ผลิตได้แค่ 20% หากจะให้ครบ 24 ชม. จะต้องมีอย่างน้อย 5 เท่า รวมถึงการมีแบตเตอรี่ในการกักเก็บพลังงานในช่วงกลางวันเพื่อมาจ่ายในกลางคืน

ดังนั้นปีที่ผ่านมา  เอ็กโก้ จึงได้ลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนโมเดลใหม่ ผ่านการถือหุ้น 17.46% ในเอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่เพื่อจำหน่ายและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เอง ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบัน “เอเพ็กซ์” มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำลังผลิตรวม 422 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 61 โครงการ กำลังผลิตรวม 20,439 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 โครงการ กำลังผลิต 70 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 121 โครงการ กำลังผลิต 19,920 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะเข้าประมูลโครงการรัฐอีกกว่า 1,500 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นพลังงานแสงอาทิตย์กับแบตเตอรี่

“เอ็กโกมองว่าฟอสซิลจะยังอยู่ การพัฒนาแบตเตอรี่ถือว่าใช้เงินลงทุนสูงแต่สามารถเก็บไฟได้ 24 ชม. ดังนั้น การใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างเดียวจะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของราคา จึงดูทางเลือกอื่น และที่น่าสนใจตอนนี้คือไฮโดรเจน เพราะเป็นการทรานฟอร์มดีที่สุด ซึ่งการใช้ไฮโดรเจน 40% ร่วมกับก๊าซธรรมชาติ จะลดการปล่อยคาร์บอนได้ดี และตอนนี้มีการพัฒนาให้เปลี่ยนก๊าซธรรมชาติเป็นไฮโดรเจนมากขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังศึกษาเช่นกัน ขณะที่เทคโนโลยีนิวเคลียร์ หรือแม้แต่การใช้โซลาร์บนดวงจันทร์ก็เป็นสิ่งที่ดี มีความปลอดภัยและเสถียรภาพสูงสุด ซึ่งอนาคตอาจจะเข้ามาช่วยเสริมได้ดี เอ็กโก ก็ได้ศึกษาเช่นกัน”