หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงน่าสนใจหรือไม่

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงน่าสนใจหรือไม่

ในปี 2564 ที่ผ่านมา กองทุนตราสารทุนที่ลงทุนในต่างประเทศได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่องมาจากปี 2563 โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างออกกองทุนใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะกองทุนตราสารทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

อย่างไรก็ดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างปรับมุมมองว่าควรย้ายการลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง 

เพราะกลุ่มหุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการระดมทุนอาจทำได้ยากขึ้น  โดยแนะนำให้นำเงินไปลงทุนในหุ้นกลุ่ม defensive ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับผลดีจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ

การปรับคำแนะนำของนักวิเคราะห์ กอปรกับราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนนักลงทุนไม่แน่ใจว่าราคาแพงไปหรือไม่ ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงมากในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่การที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อาจส่งผลให้นักลงทุนไม่แน่ใจมากขึ้นว่าควรที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือไม่

เมื่อมองถึงสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต จะพบว่าเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น และหากมองย้อนไปในอดีตจะพบว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามานานมากแล้ว แต่อาจจะไม่เติบโตอย่างรวดเร็วและขยายเป็นวงกว้างเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็ส่งผลให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปและธุรกิจบางประเภทล่มสลายไป ตัวอย่างที่มักจะถูกพูดถึง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูป

 โดยในอดีตการติดต่อสื่อสารสามารถมักจะผ่านการใช้โทรศัพท์พื้นฐาน (โทรศัพท์บ้าน) วิทยุสื่อสาร โทรเลข และจดหมาย แต่การที่โทรศัพท์มือถือเริ่มมีการใช้แพร่หลายในเมืองไทยเมื่อราว 30 ปีก่อน ส่งผลให้การสื่อสารในช่องทางอื่นลดลงอย่างมาก

และจากวันนั้นจนถึงวันนี้โทรศัพท์มือถือได้พัฒนาจากการให้บริการเสียงเพียงอย่างเดียว เป็นสามารถใช้ประโยชน์และทดแทนอุปกรณ์อื่นๆได้มากมาย เช่น ใช้ถ่ายรูป ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ ใช้นำทางในการเดินทาง รับส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เล่นเกม ทำธุรกรรมและกิจกรรมออนไลน์ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือมีการเติบโตต่อเนื่องมายาวนาน และยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ผลิตโทรศัพท์มือถือจะเติบโตได้ดี โดยมีหลายบริษัทที่เคยประสบความสำเร็จอย่างดี แต่ก็ต้องล่มสลายไปเพราะถูกบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีกว่าเข้ามาทดแทน

จากตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าการเติบโตของเทคโนโลยีเป็นการเติบโตที่มีแนวโน้มต่อเนื่องได้หลายสิบปี และผู้ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้อาจไม่มีที่ยืนในอนาคตก็เป็นได้ การที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็วมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การสื่อสารที่มีความรวดเร็วมากขึ้นสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการวิจัยทำได้ง่ายขึ้น

การพัฒนาการผลิตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ต้นทุนต่ำลง จึงสามารถนำไปต่อยอดในการพัฒนาเทคโนโลยีในขั้นต่อไปได้รวดเร็วขึ้น การเข้าถึงข้อมูลและการสื่อสารที่ทำได้ง่ายส่งผลให้มีการพัฒนาไอเดียใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

จากการที่การเติบโตของเทคโนโลยีมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่องยาวนาน และนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าจะเติบโตในอัตราที่สูงมาก จึงน่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดังนั้นการที่ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงในช่วงต้นปีนี้ จึงอาจเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน

สำหรับกองทุนตราสารทุนในไทยที่เน้นลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีมีให้เลือกหลายรูปแบบตั้งแต่ครอบคลุมไปทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีซึ่งจะมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีกว่า ไปจนถึงกองทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีบางกลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่อาจจะน่าสนใจเป็นพิเศษในขณะนี้ ได้แก่

1) กลุ่ม cyber security เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป มีการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น มีการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ดังนั้น การป้องกันการถูกโจมตีเครือข่ายจึงมีความสำคัญอย่างมาก

2) กลุ่มเทคโนโลยีที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน เช่น sustainable growth หรือ green technology ซึ่งหุ้นในกลุ่มเหล่านี้มักจะได้การสนับสนุนจากภาครัฐในหลายๆด้าน เช่น เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสะอาด เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

3) กลุ่มเทคโนโลยีด้านการแพทย์ เช่น biotechnology อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยีในการรักษาและเสริมความงาม ฯลฯ

4) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจออนไลน์ เช่น การค้าออนไลน์ซึ่งมีการเติบโตสูงมากทั่วโลก สื่อบันเทิงออนไลน์ การให้บริการออนไลน์ รวมถึงที่กำลังมาแรงอย่าง Metaverse ฯลฯ

สำหรับอุปสรรคที่บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญในขณะนี้แทบไม่แตกต่างจากบริษัทในกลุ่มอื่นๆ โดยอุปสรรคหลักได้แก่ การขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบ ต้นทุนสูงขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น และความเสี่ยงที่อาจถูกทดแทนโดยบริษัทที่มีเทคโนโลยีดีกว่า 

อย่างไรก็ดี การลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเฉพาะกลุ่มมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจใดเป็นการเฉพาะ เนื่องจากการกระจายการลงทุนถูกจำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่มธุรกิจ ดังนั้น หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูงมาก สามารถลงทุนได้ยาว และยอมรับได้หากขาดทุนสูง การลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีในขณะนี้