การระบาดระลอกใหม่ กรณีศึกษาของฝรั่งเศส

การระบาดระลอกใหม่  กรณีศึกษาของฝรั่งเศส

การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ

จำนวนผู้ได้รับเชื้อรายใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้นจนแตะระดับหลายพันคนน่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดีว่า ชีวิตของคนไทยเรานั้นยังคงห่างไกลกับการเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงก่อนโควิด-19 ได้ แม้กระทั่งผู้ที่ได้รับวัคซีนที่รัฐจัดหาจนครบโดสแล้วก็ตาม

เช่นเดียวกันกับในอีกหลายประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนจนครบแล้ว แต่ก็ยังพบกับภาวะระบาดอย่างหนักโดยเฉพาะหลังช่วงเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาสที่ผู้คนนิยมเลี้ยงฉลองกับเพื่อนฝูงและกลับบ้านเยี่ยมญาติตลอดจนงานเลี้ยงสังสรรค์ฉลองเทศกาลแห่งความสุข

แน่นอนว่า ทุกคนทั้งที่ได้รับวัคซีนแล้วและยังไม่ได้รับวัคซีนล้วนอยู่ในความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างผู้ที่ได้รับกับยังไม่ได้รับวัคซีน คือผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมีโอกาสการรับเชื้อโดยง่ายและความรุนแรงของโรคนั้นจะมากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ซ้ำร้ายยังสามารถเป็นพาหะนำโรคแพร่ต่อได้อีกด้วย

รัฐบาลในหลายประเทศจึงรณรงค์ให้มีการรับวัคซีนโดยสมัครใจให้เร็วที่สุด ขณะนี้ประชากรผู้ใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลกสามารถเข้าถึงวัคซีนแล้วโดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วที่ประชากรวัยผู้ใหญ่ส่วนใหญ่นั้นได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว จึงสามารถพูดได้ว่าประชากรในหลายประเทศทั่วโลกนั้นมีสิทธิเข้าถึงวัคซีนได้แล้ว

มีประชากรส่วนน้อยในหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศทางยุโรปที่ต่อต้านการรับวัคซีน จึงทำให้รัฐเริ่มออกมาตรการขอความร่วมมือที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน อาทิ การจำกัดสิทธิในการเข้าถึงสถานที่สาธารณะในบางประเทศ

"ฝรั่งเศส" ซึ่งถือเป็นประเทศแม่แบบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพและอิสระเสรีที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ได้ออกกฎหมายใหม่ในการเข้าถึงสถานที่สาธารณะ อาทิ ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงภาพยนตร์ เฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสและมีใบรับวัคซีน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ใช้ภายใต้กลยุทธ์ “ทำให้ชีวิตของผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนลำบากขึ้น” อันเป็นที่ฮือฮาไม่เฉพาะในฝรั่งเศส แต่ดังไปทั่วโลก

ขณะนี้ฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในประเทศที่เกิดการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอย่างหนัก ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 3 แสนคนต่อวัน ถึงแม้ประชากรผู้ใหญ่ส่วนใหญ่กว่า 90% ของประเทศนั้นได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วก็ตาม

ประชากรกว่า 5 ล้านคนจากประชาทั้งหมดของฝรั่งเศสที่ 67 ล้านคนนั้นยังไม่ได้รับวัคซีน และมีแนวโน้มว่าตัวเลข 5 ล้านคนนั้นจะเป็นกลุ่มที่ต่อต้านวัคซีนอยู่ไม่น้อย เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่รัฐซึ่งนำโดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส และรัฐสภาจึงจำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ที่เริ่มจำกัดสิทธิกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง

จะว่าไปแล้วฝรั่งเศส นับเป็นประเทศที่ยังยำเกรงสิทธิเสรีภาพแบบสุดโต่งของประชาชน ขณะที่ในหลายประเทศในยุโรปเริ่มออกมาตรการในเชิงบังคับให้ประชากรวัยผู้ใหญ่จำต้องฉีดวัคซีนแล้ว อาทิ ออสเตรีย ขณะที่เยอรมนีกำลังจะออกกฎหมายแบบเดียวกันในเร็ว ๆ นี้ เช่นเดียวกับอิตาลีที่กำลังจะบังคับผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปีให้เข้ามารับวัคซีน

จำนวนเคสที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนชี้ให้เห็นว่า ชีวิตของเรานั้นยังห่างไกลจากคำว่าปกติสุขอย่างแท้จริง การเข้ามาเข้มงวดอีกครั้งของรัฐในนามของสุขภาพของประชาชนทั้งหมด จึงมีความจำเป็นในระดับหนึ่ง การรักษาบังคับใช้กฎหมายก็มีความจำเป็นเพื่อให้มาตรการที่รัฐตั้งใจจะยับยั้งการระบาดใหม่นั้นให้สำเร็จได้

แต่สิ่งที่ห้ามลืมก็คือ การออกนโยบายใด ๆ ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเห็นใจซึ่งกันและกัน เห็นใจต่อความยากลำบากและปากท้องของประชาชนท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้