นวัตกรรมจากความคิดสร้างสรรค์

นวัตกรรมจากความคิดสร้างสรรค์

ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไปเราได้เข้าสู่ยุค Digital Technology อย่างเต็มตัวพร้อมๆกับการประมูลสัญญาณ 5G ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป

พวกเราผ่านยุคที่เรียกว่า ICT (Information and Communication Technology) เมื่อ 3 ทศวรรษที่ผ่านมาและก็มีภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์คือเครื่องมือสำคัญ

แต่โลกยุคนี้นวัตกรรมและสิ่งใหม่กำลังเกิดขึ้นในโลกและประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการผลิตและบริการแบบใหม่ ล้วนส่งผลให้ทุกคนมีวิถีชีวิต การเรียนรู้ และการทำงานที่เปลี่ยนไปจากยุคสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง เด็กยุคใหม่เกิดขึ้นมาพร้อมกับสิ่งรอบข้างที่เป็นดิจิทัล เรียนรู้ เติบโต และอยู่ร่วมกันมันอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยที่ทุกครอบครัวไม่มีความจำเป็นต้องยัดเยียดใดๆ ทุกสิ่งรอบตัว ทุกอย่างในครัวเรือนจะมีความอัจฉริยะและทันสมัย

อุปกรณ์พื้นฐานง่ายๆที่เราไม่คิดว่าจะต้องมีฟังก์ชันการทำงานที่หรูหราใดๆ ยังมาพร้อมกับความสามารถในการควบคุม สั่งการ และใช้งานได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น Smart plug/outlet หรือปลั๊กไฟที่เราคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟฝังในผนังบ้าน หรือปลั๊กพ่วง ต่างผนวกรวมเอาสิ่งที่เรียกว่า IoT เพื่อที่เราสามารถจะใช้งานมันได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น และไม่ว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆในบ้านมาต่อพ่วงกับปลั๊กไฟดังกล่าว ก็จะมีความสะดวกสบายและชาญฉลาดขึ้นมาทันที ที่สำคัญราคาก็ไม่ได้แพงกว่าปลั๊กไฟแบบเดิมมากมายนัก

การใช้งาน Smart plug นอกจากคุณสมบัติเรื่องความปลอดภัย ทนแรงดัน ทนกระแสไฟแล้ว แทบทุกยี่ห้อในตอนนี้จะเชื่อมต่อเข้ากับสัญญาณไวไฟในบ้าน การจับคู่อุปกรณ์เข้ากับไวไฟในบ้าน (paring) นั้นเป็นทักษะเบื้องต้นพื้นฐานที่ใครก็ตามที่มีและใช้สมาร์ทโฟนต้องรู้เมื่อต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รอบข้าง เมื่อสมาร์ทปลั๊กเชื่อมต่อเข้ากับสัญญาณไวไฟได้แล้ว เราก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอปสั่งการเปิดปิดไฟที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ ดังนั้นถ้าเราเสียบปลั๊กพัดลมเข้ากับสมาร์ทปลั๊ก เราก็สามารถเปิดปิดมันได้จากที่ไหนในโลกก็ได้ เปิดปิดตามเวลาที่เรากำหนดในแต่ละวันได้

นี่คือตัวอย่างเล็กๆที่ผมกำลังจะบอกว่า Digital Literacy หรือความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบันและกำลังจะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่คนรุ่นใหม่มี และคนรุ่นเก่าก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่และจะใช้มันให้ได้ด้วย 

เมื่อผสานเข้ากับการรู้จักและเข้าใจในการใช้สื่อ (media literacy) ที่เรียกว่า new media เมื่อผนวกเข้ากับเทคโนโลยีที่แตกต่างหลากหลายและใช้งาน (technology literacy) อาทิ รถยนต์ก็จะกลายเป็น Smart car บ้านเรือนก็จะกลายเป็น smart home พื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรก็จะกลายเป็น Smart farm เครื่องจักรการผลิตในโรงงานก็จะกลายเป็น Smart factory ร้านค้าศูนย์บริการต่างๆก็จะกลายเป็น Smart service การใช้ชีวิตของคนในสังคมใหม่ที่มีการติดต่อสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กันผ่านดิจิทัล เรียกว่า Social media

จะเห็นว่ามีมากมายหลากหลายเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและใช้งานกันในทศวรรษที่ผ่านมานี้เอง และสิ่งที่ตามมาก็คือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเหล่านั้น นวัตกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นได้ง่ายได้เร็วและไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย ที่สำคัญไม่ต้องลงทุนค้นคว้าในเทคโนโลยีใหม่นี้ แค่ศึกษาและนำมันมาใช้ร่วมกับแนวคิดใหม่ๆ (new idea) แค่เรามองสิ่งต่างๆรอบตัวเราในบ้าน ในที่ทำงาน ในสถานที่สาธารณะ และในสถานที่ต่างๆที่เป็นกายภาพ (physical) แล้วนำเทคโนโลยีเหล่านั้นเข้ามาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดิจิทัล และเชื่อมมันเข้ากับอินเทอร์เน็ต เพียงแค่นี้ก็มีอะไรทำได้ไม่สิ้นสุดไปอีก2-3 ปี นวัตกรรมในลักษณะนี้เรียกว่า Creative-based innovation และเทคโนโลยีที่มีขายและสามารถหาซื้อมาใช้ได้ง่ายๆในราคาที่จับต้องได้

อาทิWireless (RFID / Bluetooth / NFC ) เทคโนโลยีไร้สายในระยะใกล้ และการเชื่อมต่อระยะไกลและใช้พลังงานต่ำที่เริ่มให้บริการกันแล้วอย่าง NB-IoT และ LoRa-Wan เป็นต้น

3D / Hologram ภาพสามมิติ เราคงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นภาพคนแบบเต็มตัวที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง มายืนอยู่ตรงหน้าของเรา และสามารถสื่อสารพูดคุยเสมือนอยู่ในสถานที่เดียวกัน ที่วัยรุ่นมักเรียกกันว่า “วาร์ป (warp น่าจะออกเสียงว่า วอร์ป มากกว่า)” ซึ่งมีที่มาจากหนังไซไฟอย่างสตาร์เทคที่อธิบายการบิดเบี้ยวของกาลอวกาศ (space-time warp) เสมือนการกระโดดข้ามกาลเวลา ทำให้คนสามารถเคลื่อนย้ายจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้ เมื่อเข้าไปอยู่ในเครื่องย้ายมวลสาร 

Speech Recognition การสังเคราะห์เสียง และแปลงเป็นข้อความ หรือรูปแบบ Voice control ที่มีในสมาร์โฟน อาทิ Siri หรือ Google assistance

Translation Engine เทคโนโลยีการแปลภาษา แน่นอนคงไม่มีใครไม่รู้จัก Google Translate ซึ่งในอดีตเป็นการแปลข้อความที่เราต้องพิมพ์เข้าไป เมื่อผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีการสังเคราะห์เสียง ทำให้ในปัจจุบันแค่เราพูด มันก็แปลสิ่งที่เราพูดจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง

GPS & GIS ภูมิสารสนเทศ และระบบนำทาง ที่เมื่อใช้งานร่วมกับ Sensor เซนเซอร์แบบต่างๆ ก็สามารถส่งค่าที่ตรวจวัดได้มาพร้อมกับพิกัดตำแหน่ง เช่น นำมาวัดคุณภาพอากาศในเขตหรือพื้นที่และส่งค่าขึ้นบน Google map และเปิดโอกาสให้คนสามารถเข้ามาดูได้ หรือการฝังชิพในสัตว์ป่าบางชนิดเพื่อติดตามสังเกตการณ์ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์

ยังมีเทคโนโลยีอีกมามายหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ทำให้ความคิดใหม่ๆของเราพัฒนากลายเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยได้ อาทิ Material (Thin film / Conductive plastic) วัสดุยุคใหม่ Touch Screen (Multi-Touch) เทคโนโลยีระบบสัมผัส Photo detection and scanning การตรวจจับใบหน้าและรูปถ่าย Telecommunication (Satellite / Fiber optic) การควบคุมระยะไกล Digital control system (Remote) และ Digital identification / authentication การเข้ารหัสและระบุตัวตน เชื่อว่าถ้าเราสังเกตให้ดีจะมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นและใช้เทคโนโลยีเหล่านี้