อย่ากระหายน้ก...

อย่ากระหายน้ก...

ไม่กี่วันก่อนได้ยินเสียงนักข่าวการเมืองวิพากษ์ใครบางชีวิตที่เเจ้งสถานะว่าเป็นคนรุ่นใหม่เเละเคยอาสาสมัครส.ส.เเต่ยามนี้คว้า “ยศส.ต.”(สอบตก)

เเต่ยังได้บางเก้าอี้จากพรรคตอบเเทนน้ำใจ.....

ใจความที่ได้ยินเสียงวิพากษ์ของนักข่าวการเมืองคือ ใครคนนั้นหวังสร้างช่ื่อให้ติดตาตรึงใจสื่อเเละสังคมด้วยการให้ข่าวโต้ขั้วตรงข้ามเเบบถวายหัวโดยหวังว่า ผู้ใหญ่ในพรรคจะเเลเห็นเเละหวังจะได้สิทธิเฉิดฉายบนเวทีเกียกกายในอนาคต...

เเละพบว่าการให้ข่าวของพีอาร์พรรคก็พยายามปลุกปั้นใครคนนั้นให้สื่อนำไปขยายผล เเต่คล้ายว่าหลากประเด็นยังเบาเเละปั่นกระเเสไม่ขึ้นนัก เหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะเนื้อหาในสิ่งที่เเถลงออกมายังไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร รวมทั้งเครดิตของผู้เเถลงอีกประการหนึ่งที่เน้นคารมมากกว่าสาระ

ไม่กี่วันก่อน ใครคนนั้นให้ข่าวด้วยการส่งข้อความกระจายต่อสื่อมวลชนด้วยการระบุชื่อ/สกุล/“ชื่อเล่น”/ตำเเหน่งในพรรค ปรากฏการณ์ใหม่ในการให้ข่าวจากพีอาร์พรรคคือ ระบุ ชื่อเล่น ของผู้ให้ข่าวลงมาด้วย... งานนี้ทำเอางงใจกันไปหลายคน...

อย่าลืมว่าสังคมนักข่าวยามจะเรียกขานผู้ใดในการเขียนข่าวหรือตั้งฉายาหรือเรียกขานนามกรให้สั้น กระชับ เเละสื่อถึงตัวตนของคนๆ นั้น ให้สังคมทราบเช่น บิ๊กจิ๋ว, ป๋าเหนาะ นั้นมันต้องเป็นคนสำคัญเเละมีน้ำหนักพอ ที่สำคัญบุคคลที่ถูกสื่อเรียกขานเช่นนั้นยินยอมกับนามที่สื่อใช้กับคนๆ นั้น

เเต่บางพรรคเเละบางคนยามนี้พยายามที่จะเร่งสีเร่งโตเเละอุปโลกน์ไปเองว่า หากสังคมเเละสื่อจะสนใจกับคนที่ให้ข่าว ว่าฉายาหรือชื่อเล่นน่าจะสำคัญกว่าชื่อสกุล” ตามทะเบียนราษฎร์ เเละคงหลงทางว่าหากใช้ชื่อเล่นหรือฉายา น่าจะเวิร์คกว่า

ไม่รู้สิ่งใดดลใจทีมพีอาร์พรรคในการปลุกเเละสร้างตัวตนใครคนนั้นเเบบนี้ขึ้นมาด้วยการระบุชื่อเล่นของใครคนนั้นเเบบชัดเจนลงในข่าวสารของพรรคที่เผยเเพร่ออกมาใคร่เจริญสติด้วยความหวังดีต่อใครคนนั้นจากบางพรรคในยามนี้ว่า อย่ากระหายกับการปรากฏตัวบนพื้นที่สื่อมากนัก การเมืองมันต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเพิ่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้สักระยะเพื่อให้เกิดการยอมรับ

อย่าเร่งสีเร่งโตทางการเมืองด้วยความกระหายให้สังคมรู้จักนักเลย...

โดย... ฉก.68