บทบาทการค้าภาคบริการ โอกาสของภูมิภาคเอเชีย | ASEAN Insight

ในปัจจุบันภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ มากมาย เช่น การแบ่งแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงไม่สามารถฟื้นตัวได้เทียบเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ปัจจัยด้านลบต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการค้าสินค้าในภาพรวมของตลาดโลก

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ในเดือนตุลาคม 2568 คาดว่าอัตราการเติบโตของการค้าสินค้าของโลกจะชะลอตัวลงจาก 2.8% ในปี 2567 เหลือ 2.4% ในปี 2568 และลดลงเหลือ 0.5% ในปี 2569 ตามลำดับ

แม้ว่าการคาดการณ์การค้าสินค้าโลกในปี 2568 ดังกล่าวจะได้รับการปรับปรุงตัวเลขให้ดีขึ้นจากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายนและสิงหาคมของ WTO จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงภาพรวมการค้าสินค้าที่ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้จากความกังวลของผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

โดยตัวเลขดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเร่งชั่วคราวในระยะสั้น ได้แก่

1. การเร่งนำเข้าสินค้าล่วงหน้า (Frontloading) ในสหรัฐอเมริกา เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของมาตรภาษีศุลกากรที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดต้นทุนส่วนเพิ่มแก่ผู้ประกอบการในอนาคต และ

2. การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้เกิดความต้องการในสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานที่เร่งตัวมากขึ้น เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

ปัจจัยเร่งชั่วคราวทั้ง 2 ด้านนี้ทำให้ปริมาณการค้าสินค้าโลกขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ในปี 2569 ถูกคาดการณ์จะเริ่มเห็นผลกระทบที่ชัดเจนของมาตรการภาษีที่มีผลบังคับใช้และสินค้าคงคลังถูกกักตุนไว้เต็มที่แล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ที่เพิ่มขึ้น นับเป็นสัญญาณของวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นสำหรับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างมาก

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะข้อมูลของภูมิภาคเอเชียจากรายงานของ WTO จะพบว่า อัตราการเติบโตของการค้าสินค้าของเอเชียถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงจาก 5.7% ในปี 2568 ลดลงเหลือ 2.7% ในปี 2569 ในทางตรงกันข้าม การค้าภาคบริการถูกคาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นจาก 4.6% ในปี 2568 ไปสู่ 5.5% ในปี 2569 ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับทวีปอื่น ๆ ของโลก แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นต่อผลกระทบโดยตรงจากมาตรทางภาษีและความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่มากกว่าภาคการค้าสินค้า

การเติบโตของภาคบริการได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยบวกต่าง ๆ เช่น การการฟื้นตัวของของภาค การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง การเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริการด้านดิจิทัลของอินเดีย การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของจีนในภาคบริการขนส่ง และการเป็นศูนย์กลางด้านบริการทางการเงินของสิงคโปร์ ดังนั้นเมื่อการค้าสินค้าของเอเชียกำลังเผชิญกับสภาวะถดถอย การขยายตัวของการค้าภาคบริการจึงอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ให้เติบโตได้ต่อเนื่องและอย่างยั่งยืน