'อัครา' เร่งขยายเหมืองทอง ปั้นนวัตกรรม 'อิฐหางแร่' หลังปิดฉากข้อพิพาท 8 ปี

บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กลับเข้าสู่จังหวะลงทุนอีกครั้ง หลังมหากาพย์ข้อพิพาทระหว่างรัฐไทยและบริษัทแม่ “คิงส์เกต” สิ้นสุดลง โดยคณะอนุญาโตตุลาการรับทราบการทำความเข้าใจร่วมกันแล้ว และอยู่ระหว่างออกคำสั่งยุติคดีอย่างเป็นทางการ

เดินหน้าเพิ่มความลึกเหมืองทองในพื้นที่เดิม

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร เปิดเผยว่า อัคราเตรียมขยายความลึกการทำเหมืองทองคำภายในพื้นที่ประทานบัตรเดิมใน 3 จังหวัด (พิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก) โดยไม่ขอพื้นที่เพิ่ม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) พิจารณาผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษต่อรัฐ

“โครงการผ่าน EIA และการกลั่นกรองจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 แล้ว ขณะนี้ เหลือเพียงการพิจารณาอย่างรอบคอบของ กพร. คาดว่าบริษัทจะต้องจ่ายผลตอบแทนรัฐเพิ่มราว 30 ล้านบาท และมีโอกาสได้รับอนุมัติภายในปีนี้” 

ทั้งนี้ อัคราในฐานะผู้ผลิตทองคำรายเดียวของไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 7.7 พันล้านบาทต่อปี จ่ายค่าภาคหลวงให้รัฐ กว่า 2,158 ล้านบาทต่อปี และจ้างงานกว่า 1,000 คน โดยตั้งเป้าใช้แรงงานคนในพื้นที่กว่า 90%

สร้างนวัตกรรม ‘อิฐหางแร่’ ลดของเสียเหมือง

บริษัทเดินหน้าวิจัยและพัฒนาหางแร่ร่วมกับ GIT, บริษัทเอ็มทีเอส รีไฟเนอรี่ฯ และจุฬาฯ เปลี่ยนวัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตทองคำ-เงินให้กลายเป็นอิฐบล็อกก่อสร้างคุณภาพสูง แข็งแรง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปริมาณของเสียจากเหมือง พร้อมต่อยอดให้เป็นต้นแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนของอุตสาหกรรมเหมืองในไทย

นอกจากนี้ ยังศึกษาแนวทางใช้หางแร่เป็นวัสดุดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการสร้างคาร์บอนเครดิตให้ประเทศ และใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมก่อสร้างในอนาคต

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความคืบหน้าข้อพิพาท ระหว่างราชอาณาจักรไทย และบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ในฐานะผู้ถือหุ้นใน บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) นั้น ล่าสุดคณะอนุญาโตตุลาการ ได้รับทราบผลเจรจาทำความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย เพื่อยุติข้อพิพาทร่วมกันแล้ว หลังจากยืดเยื้อมานาน 8 ปี ซึ่งขณะนี้อนุญาโตตุลาการอยู่ระหว่างจัดทำคำสั่งยุติคดีโดยสมบูรณ์ต่อไป

ข้อพิพาทยุติ-รัฐคุมเข้มโปร่งใส

ด้าน นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะทำงานระงับข้อพิพาท กล่าวว่า ล่าสุดกระทรวงได้รับทราบการยุติข้อพิพาทดังกล่าวแล้ว ภายใต้กติกาที่ชัดเจน ซึ่งกระทรวงจะกำกับดูแลการประกอบกิจการทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส พร้อมเปิดเผยข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้สาธารณชน

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดี กพร. กล่าวว่า ภายใต้ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ฉบับใหม่ ได้วางกรอบการทำงานอย่างรัดกุม เน้นประโยชน์ต่อกับประชาชนและชุมชนรอบพื้นที่เหมือง เช่น กองทุนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ผู้ประกอบการสมทบเงินเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ใช้สำหรับสาธารณูปโภค การศึกษา และสาธารณสุข การจ้างงานคนในพื้นที่ และป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเป็นรายไตรมาส หากพบการละเมิดกระทรวงพร้อมใช้อำนาจตามกฎหมายในการสั่งแก้ไขปรับปรุงทันที