หยุดยิงไทย-กัมพูชาล่มระวังกระทบชิ่งดีลการค้า

    แต่ถือเป็นการละเมิดการหยุดยิงอย่างมีนัยสำคัญ พูดง่ายๆ คือไม่มีการหยุดยิงกันอีกต่อไปเพราะได้เริ่มยิงกันใหม่แล้ว ต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษว่าฝ่ายตรงข้ามเปิดเกมก่อน และต่างเร่งชี้แจงกับนานาชาติโดยข้อมูลของฝ่ายตนเองซึ่งยากที่จะตัดสินว่าใครผิดใครถูก
    ในบรรดาประชาคมโลกที่ต้องชี้แจงคนสำคัญที่สุดหนีไม่พ้นสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงทุนมาร่วมประชุมผู้นำอาเซียนที่มาเลเซียเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนก็เพื่อการนี้ การที่ดีลหยุดยิงล่มลงนักวิเคราะห์ต่างชาติไม่ได้แปลกใจเลย เนื่องจากคาดหมายได้อยู่แล้วว่า ดีลนี้เกิดขึ้นเพื่อเอาใจทรัมป์ผู้ต้องการฉายภาพตนเองว่าเป็นผู้สร้างสันติภาพ มาเป็นรัฐบาลได้แปดเดือนยุติสงครามได้แล้วแปดสงคราม การทำดีลที่ฝ่ายสหรัฐเรียกว่า Peace Accord จัดทำขึ้นแบบเร่งรีบ ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอนั่นคือข้อพิพาทชายแดนที่มีมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมย่อมเท่ากับการเกาไม่ถูกที่คัน สุดท้ายก็ต้องล่ม

    เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นความมั่นคงอย่างเดียว ยังมีประเด็นเศรษฐกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่าลืมว่าสองประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหาชายแดนกันอยู่ดีๆ จู่ๆ ทรัมป์ก็ขู่ว่าให้สองประเทศหยุดยิงไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่เจรจาการค้าด้วย ฝ่ายไทยนำโดยภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และฝ่ายกัมพูชาโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ต้องไปเจรจาหยุดยิงกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. โดยนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะมาเลเซียประธานอาเซียนเป็นผู้อำนวยความสะดวก ดูไทม์ไลน์แล้วเท่ากับว่าข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชาเคยล่มมาแล้วสองครั้ง ครั้งหลังมีทรัมป์มาเป็นสักขีพยาน

   ขณะนี้ต้องจับตาว่าทรัมป์จะมีท่าทีอย่างไร สหรัฐเพิ่งผ่านวิกฤติชัตดาวน์ยาวนานที่สุด 43 วัน ทรัมป์เพิ่งลงนามร่างงบประมาณชั่วคราวให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับมาทำงานได้ไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค.ได้แล้ว คงมีเวลามาพิจารณาประเด็นโลกว่าจะหยิบเรื่องไหนมาอยู่ในความสนใจ ถามว่าสหรัฐสำคัญกับไทยหรือไม่ ตอบเลยว่าสำคัญในฐานะตลาดส่งออกอันดับหนึ่งในปี 2567 มูลค่า 4,658.3 ล้านดอลลาร์ การพูดจาท้าทายผู้นำอย่างประธานาธิบดีทรัมป์ย่อมไม่ใช่เรื่องดี การอ้างว่าสหรัฐแยกแยะประเด็นการเมืองออกจากการค้า แน่ใจได้อย่างไรว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าแยกแยะได้ทรัมป์คงไม่ขู่ให้ไทยกับกัมพูชาหยุดยิงกันตั้งแต่ตอนแรก