ราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงรอบสัปดาห์ หลังคว่ำบาตรรัสเซียพลิกตลาด

ราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงรอบสัปดาห์ หลังทรัมป์ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่รัสเซีย ผู้ค้าจับตามผลกระทบต่ออุปทานและความต้องการน้ำมันทางเลือกในตลาดโลก

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (24 ต.ค.68) ราคาน้ำมันดิบกำลังจะปิดสัปดาห์ด้วยการปรับตัวขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อผู้ผลิตรายใหญ่ของรัสเซีย ส่งผลให้ตลาดน้ำมันปั่นป่วนและเพิ่มโอกาสที่จะเกิดการขาดแคลน รวมถึงความต้องการน้ำมันประเภทอื่น ๆ ที่สูงขึ้น

น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI)

ซื้อขายใกล้ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นถึง 5.6% ในวันก่อนหน้า ขณะที่เบรนท์ ปิดตลาดที่ราว 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การส่งออกน้ำมันดิบรัสเซียให้ผู้ซื้อรายสำคัญอย่างอินเดียคาดว่าจะลดลงอย่างมากจากผลของการคว่ำบาตรที่มีต่อบริษัท Rosneft PJSC และ Lukoil PJSC แม้ว่าผลกระทบต่อการซื้อของจีนจะยังไม่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนจะหารือเรื่องการเพิ่มการซื้อขายน้ำมันรัสเซียกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุมสัปดาห์หน้า มอสโกอาจหันไปหาเอเชียให้รับซื้อน้ำมันมากขึ้น หากอินเดียหยุดซื้อ แต่เศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกอย่างจีนก็ไม่น่าจะรับน้ำมันส่วนเกินทั้งหมดได้

มาตรการของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วงที่อุปทานน้ำมันโลกกำลังเพิ่มขึ้น และรัสเซียเองก็มีประสบการณ์ในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งบังคับใช้เนื่องจากสงครามในยูเครน บริษัทน้ำมัน Rosneft ที่นำโดย อิกอร์ เซชิน พันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และ Lukoil ถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดสองรายของประเทศ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้ใช้มาตรการลงโทษต่อรัสเซีย แต่การขาดความคืบหน้าในประเด็นยูเครนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่จากฝั่งตะวันตก ซึ่งเดิมมีเป้าหมายจำกัดรายได้ของเครมลินโดยการกำหนดเพดานราคา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนและราคาน้ำมันพุ่งสูง