ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังร่วงลงแรง 2 วัน นับถอยหลังสหรัฐชัตดาวน์

บลูมเบิร์ก รายงานราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังร่วงลงแรงสองวัน ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) อาจหารือเร่งเพิ่มกำลังการผลิตรอบล่าสุดเมื่อสมาชิกประชุมกันสุดสัปดาห์นี้ ผู้ค้าจับตารัฐบาลสหรัฐปิดทำการชั่วคราวหรือชัตดาวน์ หลังงบประมาณรายจ่ายยังไม่ผ่านสภา 

ตลาดคาดเกิดภาวะสหรัฐชัตดาวน์หลังเที่ยงคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หรือ 11.oo น.วันพุธนี้ตามเวลาไทย

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) ซื้อขายใกล้ระดับ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลงกว่า 5% ในสองวันแรกของสัปดาห์

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดเหนือระดับ 66 ดอลลาร์ ผู้แทนกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรโอเปกพลัสมีกำหนดหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในช่วง 3 เดือน เดือนละ 500,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดคืน อย่างไรก็ตามโอเปก ระบุในแถลงการณ์ว่ายังไม่มีแผนดังกล่าว

ในภาพรวมของตลาด นักลงทุนกำลังนับถอยหลังสู่ภาวะการปิดทำการบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯ หากรัฐสภาไม่สามารถดำเนินการตามกำหนดเวลาในการผ่านงบประมาณรายจ่ายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ขณะที่ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าของเอเชีย

ในรอบเดือนราคาน้ำมันดิบปิดฉากการลดลงติดต่อกันในเดือนกันยายน เนื่องจากการปรับขึ้นอุปทานของกลุ่ม OPEC+ รอบก่อนหน้านี้ช่วยหนุนการคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันทั่วโลกจะสูงกว่าอุปสงค์ แม้ว่าการกักตุนน้ำมันของจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก จะหนุนราคาน้ำมันในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา แต่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าจะมีภาวะซัพพลายน้ำมันเกินความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า

นักลงทุนยังประเมินรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสานกัน แม้ว่าปริมาณการสำรองน้ำมันดิบทั่วประเทศลดลง 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นกลับเพิ่มขึ้น ตามรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API)

อัเปดราคาเช้านี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 62.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 7:31 น. ตามเวลาสิงคโปร์

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดลดลง 1.6% มาอยู่ที่ 66.03 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในวันอังคาร