ไทย-เกาหลีใต้เร่งปิดดีลเอฟทีเอ ปิดความเสี่ยงการค้าโลก

ไทย-เกาหลีใต้เร่งปิดดีลเอฟทีเอ ปิดความเสี่ยงการค้าโลก

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผย ไทย-เกาหลีใต้ เปิดเจรจา CEPA รอบที่ 7 หวังปิดดีลก่อนประชุมเอเปค เดือน ต.ค.ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ เผย CEPA ดันจีพีไทยโต 0.32-0.44% มูลค่า  1,282-1,788 ล้านดอลลาร์

KEY

POINTS

  • ไทยและเกาหลีใต้เร่งเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (CEPA) โดยตั้งเป้าจะสรุปผลและประกาศความสำเร็จในช่วงการประชุมเอเปค เดือนตุลาคม 2568
  • การเจรจามีความคืบหน้าไปมาก โดยหาข้อสรุปได้แล้ว 19 จาก 24 บท และยังคงเหลือบทสำคัญที่ต้องเจรจาต่อ เช่น การค้าสินค้า การบริการ การลงทุน และการค้าดิจิทัล
  • หากการเจรจาสำเร็จ คาดว่าจะส่งผลให้ GDP ของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.32-0.44% และเพิ่มมูลค่าการส่งออกไปเกาหลีใต้ได้ถึง 40-77% โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร

กรมเจรจาการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  เดินหน้าการเจรจาความตกลง การค้าเสรี หรือ FTA  ที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้สรุปผลให้ได้โดยเร็ว โดยในปีนี้มีเป้าหมายเจรจาให้จบภายในปีนี้หรือมีความคืบหน้ามากที่สุด 3 กรอบความตกลง คือ ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ไทย-เกาหลีใต้ และอาเซียน-แคนาดา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้เร่งการเจรจา FTA เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ให้กับไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีเรื่องภาษีทรัมป์เข้ามา ทุกคนก็ยิ่งเร่ง ไม่ใช่แค่ไทย ที่มองว่า FTA เป็นทางออกในการเปิดตลาดใหม่ ๆ แม้แต่คู่เจรจาเอง ก็มองเช่นเดียวกัน 

ล่าสุดกรมเจรจาการค้าต่างประเทศ เร่งเครื่องเดินหน้าการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (Comprehensive Economic Partnership Agreement: CEPA)ไทย-เกาหลีใต้ หรือ เอฟทีเอไทย-เกาหลีใต้ ซึ่งโดยไทยและเกาหลีใต้ ได้มีการเจรจาไปแล้ว 6 รอบ ผลการเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีตามแผนการเจรจาที่วางไว้

โดยสองฝ่ายสามารถหาข้อสรุปได้แล้วทั้งหมด 19 บท จากทั้งหมด 24 บท อาทิ บทการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ บททรัพย์สินทางปัญญา บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และบทการค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งคณะทำงานของทั้งสองฝ่ายมีการนัดหารือกันผ่านระบบทางไกลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังคงเหลือบทสำคัญที่ต้องเจรจากันต่อ อาทิ การค้าสินค้า การบริการข้ามพรมแดน การลงทุน และการค้าดิจิทัล

ไทย-เกาหลีใต้เร่งปิดดีลเอฟทีเอ ปิดความเสี่ยงการค้าโลก

"โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล"  อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (Comprehensive Economic Partnership Agreement: CEPA) ไทย-เกาหลีใต้ ว่า ได้มีการเจรจาในรอบที่  7  ไปเมื่อวันที่  22-25  ก.ย.  2568 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีบทสำคัญที่ต้องเจรจาต่อ อาทิ การค้าสินค้า การบริการข้ามพรมแดน การลงทุน และการค้าดิจิทัล     

“ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะให้ได้ข้อสรุปผลการเจรจาในการประชุมเจรจาจัดทำ CEPA ไทย-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 7 เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถประกาศความสำเร็จของการเจรจาความตกลงดังกล่าว ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Meeting) ในเดือนต.ค. 2568ณ เกาหลีใต้  "นางสาวโชติมา ระบุ  

ทั้งนี้หากการเจรจาปิดดีลได้ตามเป้าหมาย ไทยจะได้ประโยชน์ทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยผลการศึกษาเบื้องต้น ชี้ว่า  การจัดทำ CEPA ไทย-เกาหลีใต้ จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยจะส่งผลให้ GDP ของไทย ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1,282-1,788 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 0.32- 0.44 % นอกจากนี้ ยังส่งผลบวกต่อการส่งออกของไทยไปเกาหลีใต้ โดยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2,420-4,654 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 40.15-77.21%

สำหรับ กลุ่มสินค้าที่คาดว่าไทยจะส่งออกไปเกาหลีใต้มากขึ้น อาทิ ผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง ฝรั่ง และมังคุด อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ซอสและของปรุงรส เเป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์ไม้ และเคมีภัณฑ์ และสาขาบริการที่คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้า บริการของเกาหลีใต้ อาทิ บริการด้านธุรกิจ บริการการขนส่ง คลังสินค้า และบริการด้านโรงแรมและภัตตาคาร

ความตกลง CEPA ฉบับนี้ จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนทั้งสองประเทศในช่วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ โดยจะช่วยต่อยอดโอกาสทางการค้าและการลงทุน รวมทั้งเพิ่มความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานระหว่างไทยกับเกาหลีใต้จากที่มีความตกลง FTA ระหว่างกันแล้ว 2 ฉบับ คือ FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ (AKFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)” นางสาวโชติมา กล่าว

สำหรับการจัดทำ“ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม (Comprehensive Economic Partnership Agreement: CEPA)”เริ่มขึ้นเมื่อ วันที่ 26 มี.ค. 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการเข้าร่วมเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement: EPA) ไทย – เกาหลีใต้ (EPA ไทย – เกาหลีใต้) และเห็นชอบต่อเอกสารขอบเขต (TOR) สำหรับการเจรจาจัดทำ EPA ไทย – เกาหลีใต้

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2567 ไทยและเกาหลีใต้ได้ร่วมลงนามเอกสาร TOR สำหรับการเจรจาจัดทำความตกลงดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการประกาศเริ่มต้นการเจรจา EPA ไทย – เกาหลีใต้ อย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมา มีการประชุมเจรจาจัดทำ EPA ไทย – เกาหลีใต้ มาแล้ว 6 ครั้ง และเป็นการประชุมฯ ระหว่างรอบ (Intersessional) 1 ครั้ง ล่าสุดได้เริ่มเจรจาในรอบที่ 7 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

ทั้งนี้ ในปี 2567 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 13 ของไทย การค้าระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ มีมูลค่า 15,281 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ มูลค่า 5,938 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ มูลค่า 9,343 ล้านดอลลาร์

สำหรับในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2568) การค้าระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ มูลค่า 7,774.88 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ มูลค่า 3,016.09 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ มูลค่า 4,758.79 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ