'กัมพูชา-สิงคโปร์-เวียดนาม' การพัฒนา & กาสิโน | กันต์ เอี่ยมอินทรา

กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีสำหรับไทย โดยเฉพาะเรื่องของบ่อนเสรี ไทยต้องวิเคราะห์ให้ดีกว่าธรรมชาติของคนไทยเอนไปทางกัมพูชาหรือสิงคโปร์มากกว่ากัน ก่อนสนับสนุนธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง
ปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชาตอนนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน แต่ยังทำให้กัมพูชาอยู่ในโฟกัสของคนไทยมากขึ้น
และล่าสุดมีข่าวว่าสหรัฐกำลังจะแบนคนกัมพูชาไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอันเนื่องมาจากการพัวพันกับธุรกิจสีเทา ไม่เฉพาะเรื่องของแก๊งคอลเซนเตอร์ แต่ยังมากไปถึงการค้ามนุษย์ ยาเสพติดและอื่นๆ ซึ่งธุรกิจสีเทาเหล่านี้ก็อยู่ในระบบนิเวศ (ecosystem) ของธุรกิจสีเทา ซึ่งมีทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์ที่ดี (มาก) กับนักการเมืองกัมพูชาเกี่ยวพัน
หากจะบอกว่านโยบายถอยเข้าถอยออกเรื่องบ่อนกาสิโนของกัมพูชาที่เคยเปิดแบบถูกกฎหมาย และต่อมายกเลิกนโยบายนี้อันเนื่องมาจากแรงกดดันจากจีน ทั้งการเปิดเป็นแบบกึ่งสัมปทานในบางพื้นที่สำหรับทุนจีนสีเทา เช่น บริเวณเกาะสีหนุวิลล์ หรือบ่อนบริเวณไทย-กัมพูชาที่มีมาอย่างยาวนาน คือหนึ่งในบทพิสูจน์ถึงความล้มเหลวของการมีบ่อนเสรีและกึ่งเสรี ก็คงจะไม่เกินเลยนัก
แล้วทำไมการมีบ่อนที่ดึงเงินมหาศาล จึงไม่ทำให้คนกัมพูชาลืมตาอ้าปากได้? ทำไมรายได้คนกัมพูชา (GDP per Capita) ของที่เคยเท่ากับคนเวียดนามเมื่อ 20 ปีก่อน มันถึงแตกต่างโดนทิ้งห่างจากเวียดนามเกือบเท่าตัวในปัจจุบัน ทำไมคนกัมพูชายังจนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี จนเกือบที่สุดในอาเซียนรองจากเมียนมาร์ ทั้งที่ทรัพยากรก็มี กาสิโนก็มี ?
คำตอบไม่ใช่อยู่ที่ระบอบประชาธิปไตย แต่คำตอบคือ “ธรรมาภิบาล” หากสังเกตดีๆ จะพบว่า ประชาธิปไตยมิใช่ต้นน้ำเดียวของการพัฒนาประเทศ และตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือจีนและเวียดนาม แต่ภายใต้ความไม่เป็นประชาธิปไตยเหล่านี้ ธรรมาภิบาลเป็นเรื่องสำคัญ และธรรมาภิบาลนี้เองที่ทำให้เศรษฐกิจจีนและเวียดนามรุ่งเรือง
เช่นเดียวกับอีกหนึ่งตัวอย่าง สิงคโปร์ คืออีกหนึ่งประเทศที่มีกาสิโนเสรี แต่มีระบบธรรมภิบาลที่เคร่งครัด ไม่อดทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ประนีประนอมกับการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นสิงคโปร์คือหนึ่งในประเทศที่รัฐเก็บรายได้จากบ่อนกาสิโนได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ธรรมาภิบาลนี้ เป็นสิ่งที่กัมพูชาขาด และที่ขาดก็เพราะ ผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งของนักการเมืองและข้าราชการ การมีอำนาจนำเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของผู้นำอย่างฮุนเซน ฝ่ายค้าน ตุลาการ นักวิชาการ ที่ไร้เรี่ยวแรงทัดทานการผูกขาดอำนาจที่ยาวนานฝังรากลึกในกัมพูชา และการเห็นแก่ผลประโยชน์และความพยามในการรักษาอำนาจไว้แทนที่ความรักชาติอยากเห็นความวัฒนาสถาพรของชาติอย่างแท้จริง
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมคนกัมพูชาที่มีสัมมาอาชีพถึงยังจน และมีแนวโน้มจนลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ขณะที่ธุรกิจสีเทาดันเจริญรุ่งเรืองจนกลายเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นฟันเฟืองหลักที่นำรายได้เงินบาปเข้าประเทศอย่างมหาศาล มากเสียจนโดนทั้ง UN จับตาและสหรัฐแบน
กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีสำหรับไทย โดยเฉพาะเรื่องของบ่อนเสรี ว่าธรรมชาติของคนไทย ธรรมชาติของนักการเมืองและข้าราชการไทย การบังคับใช้กฎหมายของไทยว่าเอนไปทางกัมพูชาหรือไม่ หรือเอนไปทางสิงคโปร์ หากเรารู้จักตัวเอง หาตัวเองเจอ วิเคราะห์ตัวเองเป็น การประมาณการณ์ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ยาก เพราะมีตัวอย่างทั้งแบบดีที่สุดและแย่ที่สุดให้เห็นแล้ว







