บสย. เตรียม 2 มาตรการ “พร้อมค้ำ” วงเงิน 5,000 ล้าน เติมทุน SME-ผู้ส่งออก

บสย. เตรียม 2 มาตรการ “บสย. พร้อมค้ำ” วงเงินรวม 5,000 ล้าน ลดต้นทุนความเสี่ยง กระตุ้นสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เติมทุนผู้ประกอบการ SME และผู้ส่งออกที่รับผลกระทบภาษีทรัมป์
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 (ก.ค. - ก.ย.) บสย. ได้เตรียมมาตรการพิเศษภายใต้แนวคิด "บสย. พร้อมค้ำ" วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท โดยมี 2 โครงการใหม่ที่น่าสนใจ
1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz วงเงิน 3,000 ล้านบาท เน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ปัญหาซัพพลายเชน และภาวะเศรษฐกิจ โดยค้ำประกันต่อราย 500,000 – 10,000,000 บาท
2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz วงเงิน 2,000 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่ม Micro SMEs, พ่อค้าแม่ค้า, ผู้ค้าออนไลน์ และอาชีพอิสระ ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขาดคนค้ำประกันและหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยค้ำประกันต่อราย 10,000 – 500,000 บาท
โดยจุดเด่นของทั้งสองโครงการคือ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก และปีต่อไปชำระเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันสูงสุด 7 ปี นอกจากนี้ ยังมีกลไกการจ่ายค่าประกันชดเชยที่สูงกว่าปกติ อยู่ที่ 37% สำหรับ SMEs Power Trade & Biz และ 42% สำหรับ SMEs Micro Biz เพื่อลดความเสี่ยงด้าน Credit Cost ให้กับสถาบันการเงิน และกระตุ้นให้เกิดการปล่อยสินเชื่อแก่ SMEs รายย่อยมากขึ้น
ครึ่งปีแรก ค้ำประกันทะลุ 1.9 หมื่นล้าน
สำหรับผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (ม.ค. - มิ.ย.) ที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น โดยมียอดค้ำประกันสินเชื่อรวม 19,481 ล้านบาท สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs รายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ถึง 21,348 ราย และก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจรวมกว่า 80,000 ล้านบาท
นาบสิทธิกร กล่าวว่า ในยอดค้ำประกันทั้งหมดนั้น 51% มาจากโครงการที่ บสย. ดำเนินการเอง (BI 7) และอีก 49% เป็นโครงการภายใต้มาตรการรัฐ (PGS 11) โดยส่วนใหญ่ของกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือเป็น Micro SMEs ถึง 81% ซึ่งมียอดค้ำประกันเฉลี่ยเพียง 140,000 บาทต่อราย สะท้อนถึงการเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยอย่างแท้จริง
ผลจากการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ส่งผลให้เกิดสินเชื่อในระบบถึง 26,359 ล้านบาท รักษาการจ้างงานได้ถึง 188,572 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจรวม 80,455 ล้านบาท
โดยธุรกิจ 3 อันดับแรกที่ได้รับการค้ำประกันสูงสุด ได้แก่ การบริการ (31.4%), อาหารและเครื่องดื่ม (10.7%), และ เกษตรกรรม (8%)
ซึ่งสะท้อนถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ภาครัฐกำลังให้ความสำคัญ เช่น การท่องเที่ยว เกษตรและอาหารแปรรูป รวมถึง Medical and Wellness
โครงการค้ำประกันหลักอย่าง PGS 11 "บสย. SMEs ยั่งยืน" ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ก.ค. 2567 ถึง มิ.ย. 2568 มียอดค้ำประกันสะสมสูงถึง 38,009 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้ 48,380 ราย โดยเป็นลูกค้าใหม่ของ บสย. ถึง 74% และเป็นกลุ่ม Micro SMEs ถึง 86% ซึ่งตอกย้ำความสำเร็จในการช่วยเหลือ "กลุ่มเปราะบาง" เช่น พ่อค้าแม่ค้า อาชีพอิสระ และกลุ่มที่ต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ ที่มักขาดหลักทรัพย์และคนค้ำประกัน ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้
หนุนแก้หนี้อย่างยั่งยืน
นอกจากการค้ำประกันสินเชื่อแล้ว บสย. ยังคงเดินหน้าภารกิจแก้หนี้ภายใต้มาตรการ "บสย. พร้อมช่วย" ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2565 โดยถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2568 สามารถปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมได้ถึง 20,904 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสมรวม 13,414 ล้านบาท
เฉพาะในครึ่งปีแรกของปี 2568 บสย. สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ 2,415 ราย โดยเป็น "กลุ่มเปราะบาง" ที่มียอดจ่ายเคลมไม่เกิน 2 แสนบาท จำนวน 1,676 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 1,542 ล้านบาท ที่สำคัญคือสามารถช่วยลูกหนี้ "ปลดหนี้" ปิดบัญชีได้สำเร็จถึง 12% ของจำนวนรายที่ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมด ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากเงื่อนไขที่ผ่อนปรน เช่น การยืดหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมสูงสุด 7 ปี, การตัดเงินต้นก่อนดอกเบี้ย, อัตราดอกเบี้ย 0% และการลดเงินต้นสูงสุด 30% พร้อม "ยกดอกเบี้ย" ซึ่งช่วยให้ลูกหนี้สามารถประคองธุรกิจและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
พร้อมกันนี้ บสย. ยังมุ่งมั่นเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้กับ SMEs ผ่าน "ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs" (บสย. F.A. Center) ที่ให้บริการปรึกษาด้านการเงินฟรี จัดอบรมให้ความรู้ และให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจ การแก้ปัญหาหนี้ และการเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อ โดยได้มีการยกระดับสำนักงานเขตทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศให้เป็นศูนย์ฯ แห่งนี้ และประสบความสำเร็จในการให้ความรู้ทางการเงินแก่ SMEs แล้วกว่า 50,000 ราย รวมถึงการให้บริการผ่าน LINE OA: @tcgfirst เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการและคำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศ







