สรรพากร ร่วม CIB ทลายเครือข่ายออกใบกำกับภาษีปลอม เสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลจากการตรวจสอบของกรมสรรพากรที่พบว่ามีกลุ่มผู้กระทำความผิดออกใบกำกับภาษีระหว่างกันเพื่อสร้างยอดขายและยอดซื้อที่ไม่มีการประกอบการจริง นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อกิจการส่งออกและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากใบกำกับภาษีที่ไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารใบกำกับภาษีปลอมจำนวนมาก และจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ณ สถานที่ตรวจค้น ในข้อหา “ร่วมกันมีเจตนาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก” ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร

พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวเสริมว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. และกรมสรรพากรกว่า 127 นาย เปิดปฏิบัติการ “ปิดเกมส์กลโกงภาษี” หรือ “Anti Tax Fraud Operation” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เข้าตรวจค้นตามหมายจับศาลอาญา 10 หมาย (พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 8 หมาย และ จ.เชียงใหม่ 2 หมาย) และหมายค้นเพื่อหาพยานหลักฐานอีก 14 หมาย (พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 11 จุด, จ.เชียงใหม่ 2 จุด, และ กทม. 1 จุด) โดยมีการเข้าตรวจค้นพร้อมเพรียงกันทุกจุด
 

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดมีความสัมพันธ์กันทั้งในลักษณะเครือญาติ เพื่อน นายจ้าง และลูกจ้าง มีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการเพื่อสร้างภาพให้ดูเสมือนว่ามีการประกอบกิจการจริง การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อภาครัฐ

ทั้งนี้ ผู้ที่ออกและใช้ใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริงจะต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยกรณีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออกตามมาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นความผิดอาญาตามมาตรา 90/4 (3) แห่งประมวลรัษฎากร และกรณีนำใบกำกับภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี ถือเป็นความผิดอาญาตามมาตรา 90/4 (7) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาท