ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นต่อ คาดสหรัฐอาจร่วมอิสราเอลโจมตีอิหร่าน

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นต่อ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือนในวันอังคาร ประธานาธิบดีทรัมป์จุดชนวนให้ตลาดคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ อาจเข้าร่วมโจมตีอิหร่าน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นต่อ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือนในวันอังคาร (17 มิ.ย.) โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนให้เกิดการคาดเดาว่าสหรัฐฯ อาจเข้าร่วมโจมตีอิหร่าน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในตะวันออกกลาง
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) พุ่งขึ้นถึง 1.1% สู่ระดับเหนือ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงก่อนหน้า ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดตลาดที่ระดับใกล้ 76 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้า ทรัมป์ได้ประชุมกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในวันอังคาร
โดยก่อนการประชุมทรัมป์โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้อิหร่าน "ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข" และเตือนถึงการโจมตีผู้นำผู้ผลิตน้ำมันรายนี้ในโอเปก
จนถึงขณะนี้ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านยังคงไม่ถูกอิสราเอลโจมตี และผลกระทบส่วนใหญ่เกิดขึ้นเฉพาะในการขนส่งเท่านั้น ตะวันออกกลางผลิตน้ำมันประมาณหนึ่งในสามของโลก และความขัดแย้งที่ลุกลามอาจทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นไปอีก ความขัดแย้งทำให้ตลาดโลกสั่นคลอน โดยนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ และความผันผวนของราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ผู้ผลิตน้ำมันดิบมีการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และปริมาณการซื้อขายล่วงหน้าและออปชั่นก็เพิ่มขึ้น
อิสราเอลเปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านแบบไม่ให้อิหร่านตั้งตัวเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถือว่าอาวุธของสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อการทำลายล้างโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานมากกว่าที่อิสราเอลจะทำได้เพียงลำพัง
อิสราเอลพยายามดึงสหรัฐฯ ซึ่งให้การสนับสนุนด้านการป้องกันการยิงขีปนาวุธของอิหร่าน ให้เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งมากขึ้น นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวกับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ เมื่อวันจันทร์ว่า ทั้งสองประเทศมีศัตรูร่วมกันคืออิหร่าน และสหรัฐฯ ควรสนับสนุนอิสราเอล
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่าอิหร่านได้เตรียมขีปนาวุธและอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ ไว้สำหรับโจมตีฐานทัพสหรัฐในตะวันออกกลาง หากสหรัฐเข้าร่วมสงครามกับประเทศอิสราเอล นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ไม่เปิดเผยชื่อซึ่งได้ตรวจสอบรายงานข่าวกรองแล้ว
ความกังวลสูงสุดสำหรับตลาดน้ำมันคือสถานการณ์ที่ช่องแคบฮอร์มุซ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่าเตหะรานกำลังพยายามขัดขวางการขนส่งน้ำมันดิบผ่านช่องแคบดังกล่าว ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในห้าของปริมาณการผลิตน้ำมันรายวันของโลก ซาอุดีอาระเบียและอิรักส่งออกผ่านช่องแคบนี้
ขณะเดียวกัน ตัวเลขอุตสาหกรรมของสหรัฐแสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบของประเทศลดลงมากกว่า 10 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว หากได้รับการยืนยันจากข้อมูลอย่างเป็นทางการในวันพุธ
อัปเดตราคาน้ำมันดิบ
WTI ส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 75.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 7.57 น. ของวันพุธ ตามเวลาในสิงคโปร์
เบรนท์ส่งมอบเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้น 4.4% อยู่ที่ 76.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันอังคาร







