’คลัง’ ชงแก้ 2 หลักเกณฑ์ ‘คุณสู้ เราช่วย‘ ดึงกลุ่มผิดนัดชำระปรับโครงสร้างหนี้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อปรับปรุงและขยายเงื่อนไขของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน และรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้มากยิ่งขึ้น

การปรับปรุงเงื่อนไขที่สำคัญ มีดังนี้

1. ขยายคุณสมบัติมาตรการ "จ่ายตรง คงทรัพย์" จากเดิมที่กำหนดคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมียอดค้างชำระ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2567 เกิน 30 วันขึ้นไป จะมีการปรับเปลี่ยนให้ลูกหนี้ที่มีประวัติเคยค้างชำระเพียง 1 วันขึ้นไป และเคยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

มาตรการนี้ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อบ้าน หรือ Home for Cash วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท, สินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 8 แสนบาท, สินเชื่อรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาท และสินเชื่อ SMEs ไม่เกิน 5 ล้านบาท

โดยลูกหนี้ที่เข้าร่วมจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ ลดค่างวดผ่อนชำระลงเหลือ 50% ในปีแรก, 70% ในปีที่สอง และ 90% ในปีที่สาม พร้อมทั้ง "พักภาระดอกเบี้ย" เป็นระยะเวลา 3 ปีเต็ม ในช่วง 3 ปีนี้ ค่างวดที่ลูกหนี้ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด ส่วนดอกเบี้ยที่ถูกพักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปีนั้น "จะได้รับการยกเว้น" ตามเงื่อนไขที่กำหนด

2. ขยายเพดานหนี้สำหรับมาตรการ "จ่าย ปิด จบ" มาตรการนี้มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีหนี้เสีย โดยจะมีการขยายเพดานภาระหนี้เสียที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ จากเดิมหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท จะปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน เพดานหนี้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกัน เพดานหนี้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี ภายใต้มาตรการนี้ ลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้าง เพื่อปิดบัญชีหนี้ทั้งหมดได้ทันที

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า เนื่องจากโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ได้รับความสนใจและมีประชาชนขอเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลมีนโยบายที่จะเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง จึงมีแผนที่จะขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2568

    ทั้งนี้ คาดว่าข้อเสนอการปรับปรุงและขยายโครงการทั้งหมดนี้ จะสามารถนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้