'กกร.' จับตา ทรัมป์ ขึ้นภาษีคืนนี้ หากไทยโดยกระทบจีดีพี 0.2-0.6%  

นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมี นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกอบศักดิ์ ดวงดี ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ร่วมในการแถลงข่าว

นายทวี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาตเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ได้มีการทบทวนหลายเรื่อง ถึงสิ่งที่จะตามมาจากนโยบายการปรับขึ้นภาษีสหรัฐในคืนนี้ โดยจะเน้นมาตรการที่เกิดขึ้นเพราะยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่ง กกร. ได้เตรียมพร้อมในระดับ 1 ซึ่งคาดเดาไว้ก่อน ส่วนเรื่องการกีดกันทางการค้า

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า มาตรการตอบโต้ทางการค้าสหรัฐ ทั้งรัฐและเอกชนทำงานร่วมกันตั้งแต่ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยโฟกัสถึงตัวเลขที่ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐในปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยปีก่อนอยู่ระดับ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งปีนี้ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 11 ถือเป็นตัวเลขที่ต้องสนใจ 

"ต้องเข้าใจว่ามีตัวเลขที่สหรัฐมาลงทุนและส่งออกไปสหรัฐ และสหรัฐลงทุนในไทยและขายในไทย หรือส่งไปประเทศอื่นและขายสหรัฐ โดยอุตสาหกรรมที่เกินดุลที่ผลิตในไทยเองมีไม่มากขนาดนั้น สินค้าเกษตรเกินดุลประมาณ 2-3 พันล้านดอลลาร์ ต้องหามาตรการซื้อสินค้ากลับ"

ดังนั้น คืนนี้จะต้องดูก่อนว่าจะโดนสหรัฐขึ้นภาษีเป็นประเทศหรือเป็นรายสินค้า ถือเป็นเรื่องที่คาดไม่ได้ คล้ายเหตุแผ่นดินไหว ต้องดูว่าออกมาแล้วก็พร้อมรับการบ้าน เราต้องการเขามาลงทุนเรา เราก็ต้องไปลงทุนเขา จึงต้องสร้างบรรยากาศที่ดีที่จะสร้างการลงทุน ต้องระวังและเตรียมรับมือ  

ทั้งนี้ ในสิ่งไม่ดีก็ต้องมีสิ่งที่ดี สิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐจะสร้างความผันแปรของซัพพลายเชน ไทยจะขายในประเทศอื่นได้ ส่วน FDI ก็อาจเจรจาง่ายขึ้น แต่ก็ห่วงสินค้าต่างประเทศจะเทมาในประเทศไทยมากขึ้น เป็นหน้าที่รัฐบาลไทยและเอกชนต้องหาทางรับมือ ดังนั้น จากเดิมที่คาดว่าต่เศรษฐกิจเดือนนี้จะยังคง GDP อยู่ที่ 2.4-2.9 เพราะยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หากสหรัฐประเทศขึ้นภาษีกับไทยด้วยจะกระทบ GDP ประเทศเบื้องต้น 0.2-0.6% ถือเป็นการประมาณการแค่นี้ก่อน