‘คลัง’ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจรายไตรมาส 'กกร.' ชงนายกฯบูมท่องเที่ยว

“คลัง” คาดจีดีพีไตรมาส 1 โต 3.4% สูงสุดรอบ 10 ไตรมาส “เผ่าภูมิ” เตรียมอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง กกร.เตรียมชงนายกฯ พิจารณาหวังบูมท่องเที่ยวภูมิภาคกระจายรายได้
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยการขยายตัวของจีดีพีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 1.9% มาอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 โดยไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 จีดีพีขยายตัวได้ 3.2% แม้ต่ำกว่าหลายฝ่ายคาดจากภาคการผลิตที่อ่อนแอ แต่รัฐบาลใช้ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวกำหนดเป้าหมายการทำงานให้เศรษฐกิจเติบโตทุกไตรมาส
ทั้งนี้ รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องทุกไตรมาส เพื่อรักษาโมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วนจะหารือภาคเอกชน
รวมทั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้หน่วยงานเศรษฐกิจทำมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรายไตรมาสให้ขยายตัวไม่น้อยกว่าไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจะหารือกับคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะประชุมภายใน 2 สัปดาห์
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลัง คาดว่าจีดีพีไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จะเติบโตถึง 3.4% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวรายไตรมาสสูงสุดรอบ 10 ไตรมาส
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ช่วงขาขึ้นเห็นได้จากทิศทางเศรษฐกิจปี 2567 โดยพิจารณาจากจีดีพีรายไตรมาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนี้ ไตรมาสที่ 1 เติบโต 1.7% , ไตรมาสที่ 2 เติบโต 2.3% , ไตรมาสที่ 3 เติบโต 3.0% , ไตรมาสที่ 4 เติบโต 3.2% โดย GDP ไตรมาสที่ 4 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส และการลงทุนภาครัฐโตสูงสุดในรอบ 36 ไตรมาส ขณะที่ภาคส่งออกกลับมาเติบโตดีขึ้น
“ที่ผ่านมาการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยไม่สะท้อนพื้นฐานเศรษฐกิจแท้จริง แต่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกทั้งความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ไทยยังมีโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าโลก และยังไม่ถูกกระทบรุนแรงเหมือนประเทศอื่น” นายเผ่าภูมิ กล่าว
เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจทุกไตรมาส
ทั้งนี้กระทรวงการคลัง เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรายไตรมาส โดยไตรมาสที่ 1 ปีนี้ออกมาตรการลดหย่อนภาษี การแจกเงินหมื่นให้กลุ่มผู้สูงวัย และมาตรการ การค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะที่กำลังจะออกมา ซึ่งเป็นมาตรการใหญ่ส่วนไตรมาสที่ 2 ยังคงอัดฉีดเงินหมื่นบาทเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มเพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโต ขณะที่ไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวลงรัฐบาลได้เตรียมมาตรการปล่อยสินเชื่อชุดใหญ่ที่กระตุ้นเศรษฐกิจวงกว้าง รวมถึงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมยานยนต์
ขณะที่ไตรมาสที่ 4 มีแผนออกตราสารหนี้ที่เป็น Digital Asset เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุน และระดมทุนใหม่ให้เศรษฐกิจไทย
สำหรับปัจจัยความเสี่ยงที่ต้องติดตามระยะสั้นที่ยังไม่ชัดเจน ได้แก่ สงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น ซึ่งตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยนี้ชัดเจน และปัจจัยการเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล
กกร.แนะกระตุ้นท่องเที่ยว
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุม กกร.เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความเสี่ยงสูง โดยสำนักวิจัยต่างประเทศลดประมาณการเศรษฐกิจไทยเหลือ 2.6% จากเดิมอยู่ที่ 2.7% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้า และแรงกดดันภาคการผลิตที่มีต่อเนื่อง
ส่วนอุปสงค์ในประเทศยังเปราะบางสอดคล้องมุมมองธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
“เศรษฐกิจไทยยังส่งสัญญาณอ่อนแรงลง ซึ่งสะท้อนผ่าน GDP ไตรมาส 4 ขยายตัวเพียง 3.2% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 4.0% ส่งผลให้ปี 2567 ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าระดับศักยภาพ”
สำหรับการเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเสนอนายกรัฐมนตรีควรให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ โดยต้องสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งกระตุ้นให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็น 4.5-5 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป และกระจายเงินไปเมืองอื่นนอกจาก 5 หัวเมืองหลัก และนอกเชนโรงแรมใหญ่ของต่างประเทศ
นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือสำหรับการปล่อยสินเชื่อลิสซิ่งรถกระบะ ซึ่งเป็นเครื่องมือของเอสเอ็มอี โดยตั้งกองทุนมูลค่า 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสี่ยง และส่งเสริมให้สถาบันการเงินพิจารณาปล่อยสินเชื่อรถกระบะได้เพิ่มขึ้นปีละ 1 แสนคัน
ห่วงภาคการผลิตไทยยังอ่อนแอ
นายเกรียงไกร กล่าวว่า สาเหตุการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว สวนทางการส่งออกที่ขยายตัวดีเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง และการแข่งขันรุนแรงจากสินค้าต่างประเทศหลายอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุก่อสร้าง
“ความผิดปกตินี้ กกร.ตั้งคำถามว่าเกิดจากการสวมสิทธิการนำเข้ามาเพื่อส่งออกผ่านไทย หรือเป็นการนำเข้าชิ้นส่วน 80% มาประกอบในประเทศเพื่อส่งออกหรือไม่”
ทั้งนี้ กกร.คงประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ขยายตัว 2.4-2.9% เพราะเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเติบโตดี โดยปีนี้มีนักท่องเที่ยว 38 ล้านคน รวมทั้งมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะช่วยภาคบริการและการบริโภค ขณะที่การส่งออกปีนี้จะขยายตัว 1.5-2.5% และเงินเฟ้อขยายตัว 0.8-1.2%
นายเกรียงไกร กล่าวว่า กกร.กังวลการดำเนินนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐที่อาจกระทบการส่งออก ซึ่งสหรัฐมีแนวโน้มขึ้นภาษีนำเข้าทั้งแบบเจาะจง และแบบครอบคลุมวงกว้างเพิ่มเติม โดยประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม และเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้ากลุ่มรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา
รวมทั้งมีแผนเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่างๆ ในวงกว้างสำหรับสินค้าที่สหรัฐเสียเปรียบจากการถูกเก็บภาษีนำเข้าอัตราสูง ซึ่งอาจทำให้สินค้าไทยมีต้นทุนภาษีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6-8%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์