ราคาน้ำมันดิบร่วง กังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากสงครามการค้า 

ราคาน้ำมันดิบร่วง กังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากสงครามการค้า 

ราคาน้ำมันดิบลดลงในวันศุกร์ ตลาดกังวลภาษีศุลกากรสหรัฐจะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย สงครามการค้าลุกลาม แต่สหรัฐคว่ำบาตรเวเนซุเอลา อิหร่าน ทำให้ราคาขึ้นเป็นสัปดาห์ที่3

รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาด น้ำมันดิบโลก วันศุกร์ (28 มี.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 73.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐฯ ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 69.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ ลดลงในวันศุกร์ เนื่องจากมีความกังวลภาษีศุลกากรสหรัฐจะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย มีความเสี่ยงสงครามการค้าจะลุกลาม แต่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อสมาชิกโอเปกอย่างเวเนซุเอลาและอิหร่าน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ วางแผนที่จะประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าหลากหลายประเภท โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน

นักวิเคราะห์ของธนาคารเจพีมอร์แกน (JPMorgan) แจ้งต่อลูกค้าว่า สงครามการค้า ทำให้บรรดานักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่า "ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ประกอบกับความไม่แน่นอนของนโยบายของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก"

แม้ว่าความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสูงขึ้น แต่ดัชนีความต้องการน้ำมันความถี่สูงยังคงทรงตัวได้ค่อนข้างดีในตอนนี้ JPMorgan กล่าว

ข้อมูลกลางสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (Energy Information Administration) แสดงให้เห็นว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรลเหลือ 433.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในการสำรวจของรอยเตอร์ ว่าจะลดลง 956,000 บาร์เรล

เมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ ราคาน้ำมันเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 1.9% ในขณะที่น้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 1.6% นับตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนเมื่อต้นเดือนมีนาคม ราคาน้ำมันเบรนท์เพิ่มขึ้นมากกว่า 7% และ WTI ฟื้นตัวขึ้นมากกว่า 6%

“ประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้คือรัฐบาลทรัมป์เพิ่มแรงกดดันต่อระบอบการปกครองของมาดูโรในเวเนซุเอลา” อมพรีต ซิงห์ นักวิเคราะห์ของธนาคาร Barclays กล่าว

ทรัมป์ประกาศ ขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบเวเนซุเอลา 25% เมื่อวานนี้ หลังจากที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านของจีน

 

มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาในปีนี้ลดลง 200,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะลดลงอีกในปีนี้ ซิงห์กล่าว

มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้ซื้อมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และการค้าน้ำมันเวเนซุเอลากับผู้ซื้อรายใหญ่อย่างจีนชะงักงัน แหล่งข่าวเผยว่า บริษัท Reliance Industries ของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมระงับการนำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลา

ตลาดน้ำมัน กำลังปรับการคาดการณ์อุปทานทั่วโลกใหม่ อันเป็นผลจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อเวเนซุเอลาและอิหร่าน โดยทรัมป์เคยให้คำมั่นว่าจะกดดันการส่งออกน้ำมันของทั้งสองประเทศให้เหลือศูนย์ สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรการขายน้ำมันของอิหร่าน 4 รอบแล้ว นับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว

อเล็กซ์ โฮเดส นักวิเคราะห์ของ StoneX กล่าวว่าไตรมาสที่ 2 น่าจะตึงตัวกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก “หากมีการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาหรืออิหร่านในตลาด นั่นจะถือเป็นสัญญาณขาขึ้นอย่างแน่นอน”

ด้านกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) เตรียมเริ่มโครงการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายน โดยกลุ่ม OPEC+ ซึ่งประกอบด้วยโอเปก และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย น่าจะยังคงเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนพฤษภาคมต่อไป สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันจันทร์