พิชัย สร้างเชื่อมั่นหุ้นไทย ติดดาบ ก.ล.ต. เอาผิดหุ้นปั่น

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นว่านอกจากกองทุน Thai ESG ใหม่ที่ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วการที่จะให้นักลงทุนมั่นใจก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำ โดยเราก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) ทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้มีการปรับตัวให้ไปตอบโจทย์เรื่องหุ้นยั่งยืน 

นอกจากนี้ในส่วนของรัฐบาลก็จะมีการไปหารือกับบริษัทขนาดใหญ่ ที่อยู่ใน SET 100 และ SET 50 ว่าควรจะมีการลงทุนในลักษณะใดบ้างเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 
ส่วนมาตรการเรื่องของการเรียกความเชื่อมั่นจะทำอย่างไรให้คนที่มาลงทุน ลงทุนด้วยความเรียบร้อย ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ให้เกิดความเสียหาย โดยเราอยู่ระหว่างที่จะมีการออกกฎหมายเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โดยเร่งด่วน โดย พ.ร.ก.ที่จะให้อำนาจกับ ก.ล.ต.นี้ถือว่าเป็นการให้อำนาจในการทำงานได้อย่างเร่งด่วน ในกรณีที่มีความสำคัญจริงๆ เราจะขอให้สามารถเร่งดำเนินการได้ คิดว่า ก.ล.ต.เป็นหน่วยงานที่สำคัญที่จะต้องมีเครื่องมือในส่วนนี้มาทำงานคาดว่าจะสามารถเข้า ครม.ได้โดยเร็ว อาจจะเป็นสัปดาห์หน้าหากสามารถที่จะทำได้ทัน 

“การลงทุนในหุ้นนั้นเราต้องการทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่าหากเกิดกรณีที่ไม่ถูกต้องก็ต้องมีการจัดการ และลงโทษตามกฎหมายในเรื่องนี้เราก็พร้อมที่จะทำในเรื่องกฎหมายให้มีความชัดเจน” นายพิชัย กล่าว 

ด้าน นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.) เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับสำนักงาน ก.ล.ต. มากขึ้น โดยจะให้มีอำนาจในการสอบสวน และสืบสวน รวมถึงสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการได้เพิ่มเติม จากขอบเขตอำนาจในปัจจุบันนั้นกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างจัดทำร่างกฎหมาย คาดว่าจะสามารถประกาศเป็น พ.ร.ก.ได้เร็วๆ นี้ 

ทั้งนี้กฎหมายนี้เป็นการเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต.เมื่อประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวแล้ว จะสามารถลดระยะเวลาในการดำเนินคดีต่างๆ ลงอย่างมาก ครอบคลุมถึงคดีที่มีผลกระทบสูง (high impact) ซึ่งจะจำกัดขอบเขตความเสียหายของผู้ลงทุนได้ หากมีการดำเนินการทางกฎหมายที่รวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้มีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่สืบสวนอยู่แล้ว แต่ว่าที่ผ่านมาเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลาในการทำงานระหว่างหน่วยงาน จะทำอย่างไรให้สามารถลดระยะเวลา มาอย่าในสำนวนเดียวกันทำให้ขั้นตอนการทำงานได้รวดเร็วขึ้นเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับนักลงทุนได้

ซึ่งอำนาจเหล่านี้ ก.ล.ต.เคยมีอยู่แต่เดิมแต่มีการปรับเปลี่ยนในช่วงที่ผ่านมาทำให้ ก.ล.ต.ไม่มีอำนาจในส่วนนี้แต่ในขณะนี้จะคืนอำนาจนี้มาเพื่อให้ ก.ล.ต.ทำงานในการตรวจสอบได้รวดเร็วขึ้น 

สำหรับอำนาจในการระงับการโยกย้ายทรัพย์สิน อายัดทรัพย์ต่างๆ ที่เป็นกรณีที่มีความเสียหายสูงนั้นก็จะสามารถทำได้สะดวกมากขึ้น จะอยู่ใน พ.ร.ก.นี้ด้วย แต่ไม่ได้เป็นการยึดทรัพย์เพื่อไปเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย แต่สามารถที่จะอายัดไว้สำหรับตรวจสอบได้  

“อำนาจตามกฎหมายที่ พ.ร.ก.จะให้ถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้น ในกรณีที่ความเสียหายที่เป็น high impact ยกตัวอย่างเช่น กรณีหุ้น STARK ที่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจำนวนมาก กรณีแบบนี้ ก.ล.ต.จะสามารถเข้าไปดูแลได้” นางพรอนงค์ กล่าว

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์