'อาหาร - ดีเซล - ค่าไฟ' ดันเงินเฟ้อเดือนก.พ.สูงขึ้น 1.08%

'อาหาร - ดีเซล - ค่าไฟ' ดันเงินเฟ้อเดือนก.พ.สูงขึ้น 1.08%

พาณิชย์ เผย อาหาร ผลไม้สด น้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า ดันเงินเฟ้อเดือนก.พ.สูงขึ้น  1.08% คาดเงินเฟ้อไตรมาส 1 เฉลี่ย 1.1- 1.2 %  คงเป้าเงินเฟ้อทั้งปี อยู่ระหว่าง 0.3-1.3% ค่ากลาง 0.8% ชี้ทรัมป์ 2.0 ยังไม่มีผลต่อเงินเฟ้อ รอดูประกาศนโยบายอีกครั้งหลัง 1 เม.ย.68

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า   เงินเฟ้อเดือน ก.พ. สูงขึ้น  1.08%  เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 และสูงขึ้นเกิน 1% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารสำเร็จรูป ประกอบกับมีการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าโดยสารเครื่องบิน สำหรับราคาสินค้า และบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

โดยเงินเฟ้อเดือนก.พ.ที่สูงขึ้น   1.08% มาจากหมวดอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 2.03%จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ  กลุ่มผลไม้สด เช่น  กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง แตงโม สับปะรด  กลุ่มอาหารสำเร็จรูป เช่น ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว

กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม กาแฟ (ร้อน/เย็น ) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ปลานิล กุ้งขาว เนื้อสุกร ปลาทูนึ่ง ปลาหมึกกล้วย ปลาทู กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร เช่น  น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง กะทิสำเร็จรูป  กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ขนมอบ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล เช่น ขนมหวาน  น้ำตาลทราย และกลุ่มไข่ และผลิตภัณฑ์นม (นมสด ไข่เป็ด)

อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ  ผักสดบางชนิด เช่น มะนาว พริกสด ผักคะน้า มะเขือ ผักชี ผักกาดขาว ผลไม้บางชนิด เช่น   องุ่น แก้วมังกร  ไก่ย่าง  ไก่ทอด และซีอิ๊ว เป็นต้น

'อาหาร - ดีเซล - ค่าไฟ' ดันเงินเฟ้อเดือนก.พ.สูงขึ้น 1.08%

หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.40%   จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน และค่าโดยสารเครื่องบิน (ต่างประเทศ) ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ แก๊สโซฮอล์ ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกัน และบำรุงผิว น้ำยาระงับกลิ่นกาย แป้งผัดหน้า) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างห้องน้ำ) และเสื้อผ้า (กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดบุรุษ และสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี) เป็นต้น

ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเมื่อหักอาหารสด และพลังงานออก  สูงขึ้น 0.99%

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมกราคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้นร้อยละ 1.32% ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 23 จาก 128  เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข  ประกอบด้วย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว

 

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมี.ค.2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนก.พ.2568  ส่วนเงินเฟ้อไตรมาสแรก คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1-1.2% เพราะฐานปีที่แล้วต่ำ ส่วนไตรมาส 2 คาดเพิ่ม 0.5% เพราะฐานปีที่แล้วเริ่มขยับสูงขึ้น 

โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 29.92 บาทต่อลิตร  การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของ

ภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าโดยสารเครื่องบิน และวัตถุดิบต้นน้ำของสินค้าเกษตรบางชนิดราคายังอยู่ระดับสูง โดยเฉพาะพืชสวน เช่น กาแฟ ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ขั้นกลางหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น เช่น กาแฟ น้ำมันพืช และกะทิ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย  การลดลงของราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกซึ่งต่ำกว่าปีก่อนหน้า และคาดว่าจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกัน  ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง   ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.3 -1.3% ค่ากลาง 0.8% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

ส่วนนโยบายทรัมป์ 2.0 จะมีผลต่อเงินเฟ้อหรือไม่นั้นทาง สนค.ได้เกาะติดสถานการณ์มาโดยตลอด ขณะนี้ยังไม่มีผลต่อเงินเฟ้อ แต่ก็คาดการณ์ได้ยาก เพราะไม่รู้ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศนโยบายอะไรอีก  คงต้องรอดูวันที่ 1 เม.ย.68 ที่ทีมงานของทรัมป์ส่งข้อมูลให้ทรัมป์พิจารณา อย่างไรก็ตาม สนค.ได้เตรียมรับมืออยู่แล้ว โดยไทยได้ดุลการค้าสหรัฐในอันดับที่ 11 ก็ต้องพิจารณาเรื่องสินค้าที่จะสามารถนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มเติม เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง  รวมถึงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐก็สูงกว่าสหรัฐเก็บภาษีสินค้าไทย รวมทั้งนักลงทุนไทยไปลงในสหรัฐมากขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์