นฤมล ถกจีน เล็งครองส่วนแบ่งทุเรียน 57 % เปิดตลาดโคมีชีวิต

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ช่วงที่เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรี(5-7ก.พ. 2567) ได้มีโอกาสพบกับ ดร.ซุน เหมยจุน รัฐมนตรีว่าการสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และได้หารือถึงความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าผลไม้จากประเทศไทยไปยังจีน

โดยเฉพาะทุเรียน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ได้รับรายงานถึงปัญหาในการพบสารปนเปื้อน จึงได้มอบหมายกรมวิชาการเกษตรออกประกาศให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด และเรียกฟรุตบอร์ดสั่งการเร่งด่วนให้ตรวจสอบสาร Basic Yellow 2 (BY2) แคดเมียม และหนอนในสินค้า พร้อมเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการตรวจสอบ(Lab)ที่จะสามารถตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าจะไม่มีสารปนเปื้อนในทุเรียน

 

“ตอนนั้นมีLabที่มีความพร้อม 4-5 รายที่ให้การตรวจสอบได้ แต่ปัจจุบันจำนวนห้องLab เริ่มมีจำนวนมากขึ้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบสินค้าได้แล้ว เพราะได้มอบนโยบายให้กับกรมวิชาการเกษตร ในการเร่งตรวจสอบให้มีความเร็วขึ้น และเพิ่มจำนวนแล็บในการรองรับการตรวจสอบ เพราะทุเรียนถือว่าเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ไทยส่งออกทุเรียนไปจีนเฉลี่ยปีละ 1.3 - 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปี 2568 ไทยจะส่งออกทุเรียนไปจีนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งทุเรียนไทยยังครองส่วนแบ่งตลาดในจีนถึง 57% และผู้บริโภคจีนยังให้การยอมรับทุเรียนไทย

นางนฤมล กล่าวว่า ยังได้หารือถึงกรณีการขอเปิดตลาดโคเนื้อและโคมีชีวิตไปยังตลาดจีนตั้งแต่ปี 2562 โดยฝ่ายไทยได้รายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าว่า ประเทศไทยได้มีการเตรียมพื้นที่ค่ายกักกันโรค สำหรับโคมีชีวิตเพื่อสร้างความมั่นใจว่าโคมีชีวิตจะไม่ติดโรคก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งพื้นที่กักกันเราได้ใช้พื้นที่จังหวัดเชียงราย และเมื่อระยะเวลาในการกักกันครบ มีการตรวจโรค เราจะนำโคมีชีวิตขนส่งผ่านเส้นทางเดินเรือ ล่องแม่น้ำโขงและขึ้นที่ท่าเรือคลองจีน และอีกช่องทาง คือ ผ่านการขนส่งทางรถไฟ จาก กรุงเทพฯ – หนองคาย - สปป.ลาว - จีน ซึ่งทางหน่วยงานจีนได้รับทราบและอยู่ระหว่างการประเมินความเสี่ยง และรอความเห็นจากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯของจีน

“ตอนนี้อยู่ระหว่างรอรับการประเมินผลของจีนว่า จะตอบรับหรือให้ความคิดเห็นอย่างไร เพื่อให้ไทยสามารถส่งโคเนื้อและโคมีชีวิตไปยังตลาดจีนได้ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดจีนมีความต้องการสินค้าดังกล่าวสูงมาก แต่ประเทศไทยยังติดปัญหาประเทศที่อยู่ในลิสต์ของการติดโรคระบาดของปากเท้าเปื่อยในสัตว์ ซึ่งการที่จะนำประเทศไทยออกจากลิสต์ เป็นเรื่องที่ยาก แต่ล่าสุดได้มีการประชุม Beef Board เห็นชอบให้เร่งหางบประมาณเพื่อนำวัคซีนฉีดให้สัตว์เพื่อป้องกันโรคได้ 100% ซึ่งที่ผ่านมาวัคซีนป้องกันโรคได้เพียง 50 - 60% ซึ่งต้องยอมรับว่า งบประมาณที่ได้แต่ละปียังไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงอยู่ระหว่างการผลักดันต่อไป”