เปิดข้อเสนอ BEM รถไฟฟ้าสายสีส้ม 'สุริยะ' ชง ครม.เคาะผลประมูลวันนี้

เปิดข้อเสนอ BEM สัญญาร่วมทุน “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” จับตาการประชุม ครม.วันนี้ “สุริยะ” ชงเสนอเคาะผลประมูล ปักธงลงนาม ต.ค.นี้ ดันเปิดให้บริการส่วนแรก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายในปี 2571
รายงานข่าวจาก กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (16 ก.ค.67) กระทรวงคมนาคม โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเสนอผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งกลุ่ม BEM ประกอบด้วย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมกับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เป็นผู้เสนอผลประโยชน์สุทธิ (มูลค่าปัจจุบัน: NPV) เท่ากับ -78,287.95 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีกระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอ ครม. เห็นชอบเรื่องผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ว่า วันนี้จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อเห็นชอบ เนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่ม BTS ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือก และศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินว่า คณะกรรมการคัดเลือกได้ทำตามขั้นตอนถูกต้อง
โดยวันนี้จะเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งคาดว่าประชาชนจะได้ใช้โครงการนี้ในปี 2571 และวันนี้ขอยืนยันว่า โครงการดังกล่าวไม่มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมายค้างคาใดๆ เหลืออยู่ และทุกหน่วยงานก็ไม่ได้มีการคัดค้านโครงการนี้
อย่างไรก็ดี เมื่อ ครม. มีมติให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แล้วการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมลงทุนได้ภายในเดือนต.ค.นี้ โดยมีแผนเปิดให้บริการโครงการสำหรับส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ ภายในเดือนพ.ค.2571 และเปิดให้บริการโครงการตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายในเดือนพ.ย.2573
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กลุ่ม BEM เคยออกมาเปิดเผยรายละเอียดข้อเสนอการประกวดราคาในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมีมูลค่าโครงการ 139,127 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. เสนอขอให้รัฐอุดหนุนค่างานโยธา ซึ่งตามผลการศึกษากำหนด 91,983 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน (PV) 84,756 ล้านบาท โดย BEM เสนอที่ 91,500 ล้านบาท หรือ PV ที่ 81,871 ล้านบาท
2. เอกชนจะแบ่งผลตอบแทนให้รัฐ ซึ่งผลศึกษารัฐจะไม่มีการอุดหนุนค่าเดินรถให้เอกชน โดย BEM เสนอจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ 10,000 ล้านบาท หรือ PV ที่ 3,583 ล้านบาท เมื่อนำผลตอบแทนให้รัฐหักกับค่าอุดหนุนงานโยธา เป็นผลประโยชน์สุทธิ PV จะพบว่า BEM ขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐ 78,288 ล้านบาท ลดลง 7% จากราคากลาง 84,255 ล้านบาท
โดยภายหลังชนะการประมูล รฟม.ได้เรียกไปเจรจาต่อรองให้ยืนยันราคาค่าก่อสร้าง เนื่องจากค่าก่อสร้างตามผลการศึกษานั้น รฟม.ประเมินโดยใช้ข้อมูลในปี 2560 - 2561 ขณะที่ค่าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ประกอบกับค่าเหล็กในช่วงของการประกวดราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ซึ่งในส่วนของ BEM ยังคงยืนยันราคาตามข้อเสนอ
นอกจากนี้ รฟม.ให้ BEM ตรึงราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีส้ม 10 ปี โดยให้ใช้ราคาเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เริ่มต้น 17 บาท จาก TOR ที่ระบุเริ่มต้น 20 บาท รวมถึงต้องไม่คิดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนหากเดินทางเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รวมทั้ง BEM ต้องรับผิดชอบบำรุงรักษาโครงการประมาณ 50 ล้านบาทต่อเดือนด้วย
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จบคดีข้อพิพาทในศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับกรณีการปรับเงื่อนไขการประมูลหลังจากขายซองประมูล ตามที่เอกชนรายหนึ่งได้ร้องต่อศาลปกครอง กรณีหน่วยงานทางปกครองหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย โดยคดีนี้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2567
แต่อย่างไรก็ดี โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ปัจจุบันยังมีคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกเอกชนที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีในศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบ รวมไปถึงมีข้อร้องเรียนอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับกรณีประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฉบับลงวันที่ 24 พ.ค.2565 มีการกำหนดเงื่อนไขอันมีลักษณะอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542
โดยประเด็นดังกล่าวกระทรวงคมนาคมพิจารณาว่าในส่วนของคดีในศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบ เป็นการฟ้องร้องเกี่ยวกับตัวบุคคล กล่าวคือ คณะกรรมการคัดเลือก ม.36 และอดีตผู้ว่าการ รฟม. ดังนั้นไม่น่ามีส่วนกระทบต่อการลงนามสัญญา ขณะเดียวกันข้อร้องเรียนใน ป.ป.ช.ก็เป็นการร้องเรียนตามปกติของการประกวดราคา โดย รฟม.สามารถตอบประเด็นคำถามในเรื่องนี้ได้ ดังนั้นกระทรวงฯ จึงไม่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อลงนามสัญญาครั้งนี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







