ธ.ก.ส.แนะเกษตรกรตรวจสอบสิทธิ์ก่อนไปกดเงิน“ไร่ละพันบาท“

ธ.ก.ส.แนะเกษตรกรตรวจสอบสิทธิ์ก่อนไปกดเงิน“ไร่ละพันบาท“

ธ.ก.ส. โอนเงินไร่ละพันบาทถึงมือเกษตรกรแล้วกว่า 3.8 ล้านราย วางเป้าทยอยโอนเงินหลังรับข้อมูลทะเบียนรายชื่อและผ่านการตรวจสอบภายใน 3 วันทำการ แนะเกษตรกรอย่าลืมตรวจสอบสิทธิ์ก่อนไปกดเงิน เพื่อความมั่นใจและลดการเสียเวลาในการเดินทาง

นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าจากกรณีที่เกษตรกรเดินทางไปกดเงินตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 หรือเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละพันบาทแต่ยังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชีตามที่คาดหวัง

ทาง ธ.ก.ส. ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า ในพื้นที่ดังกล่าว มีแผนการจ่ายเงินในวันที่ 2 ธันวาคม 2566 แต่เกษตรกรไปกดเงินในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 จึงไม่สามารถกดเงินได้ ทั้งนี้ การโอนเงินในรอบที่ 1 ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2566

โดยในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ถือเป็นการ Kick off การโอนเงินอย่างเป็นทางการวันแรก ธ.ก.ส.จึงประกาศโอนเงินไปยังจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้ ประกอบด้วย จังหวัดในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ทุกสาขา ส่วนภาคอื่น ๆ โอนเฉพาะสาขาอำเภอเมืองหรือสาขาที่ร่วมกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ และได้ทยอยโอนเงินไปยังภาคต่าง ๆ ครบทุกภาค ตามรายชื่อเกษตรกรที่ ธ.ก.ส. ได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 วันติดต่อกัน

จำนวนยอดโอนทั้งสิ้น 3,817,901 ครัวเรือน จำนวนเงิน 44,433 ล้านบาท และเป็นการโอนเงินสำเร็จ3,817,640 ครัวเรือน จำนวนเงิน 44,430 ล้านบาท โดยมีรายชื่อที่โอนเงินไม่สำเร็จ 261 ครัวเรือนจำนวนเงินประมาณ 3 ล้านบาท สาเหตุที่โอนเงินไม่สำเร็จเนื่องจากบัญชีที่เกษตรกรแจ้งไว้ถูกปิดไปแล้วบางบัญชีถูกอายัดและบางบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหวมานาน จึงถูกยกเลิกไปแล้ว

การโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในครั้งนี้ มีเป้าหมายเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 4.68 ล้านครัววเรือน วงเงิน 54,336 ล้านบาท โดยสนับสนุนในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่หรือ 20,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษตรกรอีกกว่า 8 แสนครัวเรือน ที่อยู่ในกระบวนการเตรียมโอนเงิน เนื่องจากธนาคารรอรับข้อมูลการลงทะเบียนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจากกรมส่งเสริมการเกษตรเพิ่มเติม และในการตรวจสอบบางกรณีพบว่า ชื่อที่ขึ้นทะเบียนไม่ตรงกับชื่อบัญชี หรือบัญชีเงินฝากที่แจ้งไว้ไม่มีความเคลื่อนไหว บัญชีถูกปิดหรือถูกอายัด รวมถึงสถานะผู้ได้รับสิทธิ์เมื่อตรวจสอบพบว่าเสียชีวิต ต้องมีการปรับเปลี่ยนผู้รับประโยชน์ เป็นต้น

ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการรับเงินตามสิทธิ์ ขอให้เกษตรกรโปรดตรวจสอบข้อมูลในการรับสิทธิ์ผ่าน chongkho.inbaac และตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทางLine: BAAC Family

ทั้งนี้ ในส่วนของเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว ธ.ก.ส. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและทำการโอนเงินให้เกษตรกรในลำดับถัดไป โดยจะโอนเงินภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลทะเบียนรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวภายใน 3 วันทำการ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงกันยายน 2567

กรณีที่เกษตรกรมีหนี้ค้างชำระและประสงค์ที่จะนำเงินมาชำระหนี้ เพื่อลดภาระหนี้ของตนเองและรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากธนาคารสามารถทำได้โดยสมัครใจ ซึ่ง ธ.ก.ส. ไม่มีนโยบายบังคับแต่อย่างใด โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา หรือ Call Center 02 555 0555