จับแก๊งลอบค้าน้ำมันเขียวรายใหญ่ ยึด 23 ล้านลิตร มูลค่า 2.7 พันล้าน

จับแก๊งลอบค้าน้ำมันเขียวรายใหญ่ ยึด 23 ล้านลิตร มูลค่า 2.7 พันล้าน

ตำรวจน้ำ-ปอศ. จับแก๊งลอบค้าน้ำมันเขียวรายใหญ่ ยึดของกว่า 23 ล้านลิตร มูลค่า 2.7 พันล้านบาท

“บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้าน้ำมันดีเซลหรือน้ำมันเขียวรายใหญ่ ยึดน้ำมันของกลางได้กว่า 23 ล้านลิตร รวมมูลค่ากว่า 2.7 พันล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 10 ราบ หลังติดตามเครือข่ายนี้มากว่า 2 ปี สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อชาติเป็นอย่างมาก 

24 พฤศจิกายน 2566 ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ. พล.ต.ร.ท.ดนัย สุวรรณหงส์ ผู้อำนวยการศูนย์ยุทธการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ผอ.ศยก.ศรชล.) และ นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต 

ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนถ่ายน้ำมันเขียวผิดกฎหมาย พร้อมของกลางน้ำมันเขียน หรือน้ำมันดีเซล กว่า 23,231,700 ลิตร ได้ที่บริเวณเขตน่านน้ำภายใน ทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่องฝั่งอ่าวไทย

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า มีขบวนการลักลอบนำน้ำมันเขียว หรือน้ำมันดีเซลปลอดภาษี ของกระทรวงพลังงาน ที่ปกติขายกันอยู่กลางทะเล เพื่อลดภาระต้นทุนของชาวประมง เข้ามาขนถ่าย และขายในเขตน่านน้ำ ภายในทะเลฝั่งอ่าวไทย รวมถึงแอบขนถ่ายให้กับเรือ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มพี่น้องเรือประมงที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ แต่ไม่มีน้ำมันเขียวเพียงพอที่จะเติมได้

 

พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบจนทราบว่าทำกันเป็นเครือข่ายใหญ่ ในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา สามารถตรวจยึดน้ำมันเขียวได้กว่า 23,231,700 ลิตร พร้อมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมา จนสามารถเชิญตัวบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาทำการแจ้งข้อกล่าวหากว่า 10 ราย 

ในความผิดฐาน “ร่วมกันขนถ่ายสินค้าในเขตต่อเนื่อง โดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานศุลกากร และเคลื่อนย้ายสินค้าออกไปจากยานพาหนะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” แบ่งเป็น 7 คดี 10 กรรม ซึ่งมีอัตราโทษปรับสูงถึง 2,700 ล้านบาท 

ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาพบว่าส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ แต่ยังมีบางส่วนที่ให้การปฏิเสธ