นายกฯ พบ CEO ต่างชาติหมื่นล้าน โชว์แผนดึงการลงทุนเข้าไทย

นายกฯ พบ CEO ต่างชาติหมื่นล้าน โชว์แผนดึงการลงทุนเข้าไทย

ส.อ.ท. จัดตั้ง Foreign Industrial Club (FIC) เปิดพื้นที่คุยธุรกิจกับนักลงทุนต่างชาติระดับหมื่นล้านที่ลงทุนในไทย ชวน “เศรษฐา” ประกาศย้ำไทยพร้อมเปิดรับการลงทุน

เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (1 พ.ย.) ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก นักธุรกิจชั้นนำ นักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่ลงทุนในไทยกว่า 200 บริษัท สถานทูตประจำประเทศไทย นายกรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานรัฐด้านการลงทุน ทยอยเดินทางเข้าร่วมงาน Foreign Industrial Club (FIC) 2023: Reforming Thailand ซึ่งเป็นเวทีแห่งแรกของประเทศไทยในการพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม การค้า และการลงทุน 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "Reformation of Thai Economy Amidst Polycrisis: การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน" ว่า ท่ามกลางความท้าทายระดับโลกที่กำลังเผชิญปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยจำเป็นต้องรีบเร่งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและกำหนดทิศทางที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมและยั่งยืน 

รวมทั้งจำเป็นต้องส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและสร้างความได้เปรียบ โดยบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าสูงเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของโลก 

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาขยายตัวได้ตามเป้า โดยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมประเทศ ยกระดับภาคเกษตรกรรมไปสู่การผลิตที่มีมูลค่าสูง การเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวให้เป็นการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและเกิดความยั่งยืน การเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน การขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน 

ขณะเดียวกัน การดำเนินยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นประตูยุทธศาสตร์สำคัญด้านการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ในภูมิภาค การเร่งพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและอุตสาหกรรมดิจิทัล ตลอดจนการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังเน้นผลักดันนโยบายและมาตรการการลงทุน การเตรียมความพร้อมของรัฐเพื่อรองรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการ "แลนด์บริดจ์" มาตรการที่เป็นประโยชน์เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการลงทุน ตลอดจนการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรม

“เราพร้อมเปิดรับและร่วมมือกับภาคเอกชนและนักลงทุน ประเทศไทยจะเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานพาหนะไฟฟ้า (EV) ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) อุตสาหกรรมดิจิทัล สร้างสรรค์ และบริการที่มีมูลค่าสูง” นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ พบ CEO ต่างชาติหมื่นล้าน โชว์แผนดึงการลงทุนเข้าไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การขับเคลื่อน ส.อ.ท.ในปัจจุบันได้มุ่งเน้นที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม โดยมีการแบ่งอุตสาหกรรมออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 First Industries คือ อุตสาหกรรมเดิมที่ประกอบด้วย 46 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Disruption Technology) ทำให้ต้องเร่งส่งเสริมเพื่อให้เกิดปรับตัวให้สามารถรักษาศักยภาพของอุตสาหกรรม 

และกลุ่มที่ 2 Next-GEN Industries อุตสาหกรรมใหม่ ประกอบด้วย 

1.การส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายโดยให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (High Technology) เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมดิจิทัล 

2.การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วย BCG Model ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล มีการใช้เทคโนโลยีสะอาด (Clean Technology) และเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) ในระบบการผลิต

3.การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคอุตสาหกรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย และกรอบการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย

โดยประเทศไทยพร้อมเดินหน้าพัฒนา Supply Chain โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงด้านแรงงาน และบุคลากรที่มีทักษะสูงที่เพียงพอเพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายปลายทางที่โดดเด่น พร้อมรองรับการย้ายฐานการผลิต และการลงทุนของต่างชาติ 

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายการให้สิทธิประโยชน์จากการตั้งฐานการผลิตในไทย ส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อไทย เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต 

นอกจากนี้ ปัจจุบันรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการหาตลาดใหม่ๆ เปิดโอกาสในการค้า โดยการเร่งผลักดันการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ ให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา และเปิดเจรจา FTA ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันส่งออกของไทย

นายกฯ พบ CEO ต่างชาติหมื่นล้าน โชว์แผนดึงการลงทุนเข้าไทย

นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ ประธานจัดงาน Foreign Industrial Club และรองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดการเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างมาก โดยนำเงินทุนที่จำเป็นเข้าสู่ภาคการผลิตยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ เหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างงาน การพัฒนาทักษะ และการแบ่งปันความรู้ระหว่างแรงงานไทย 

ซึ่งความร่วมมือระหว่างนักลงทุนต่างชาติและในประเทศได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทาน และจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมไทย อีกทั้งการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญระดับโลกและระดับประเทศ ได้ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมและการผลิต

“เรามีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มโอกาสในการสร้างเครือข่ายระหว่างนักธุรกิจชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของประเทศไทย การจัดตั้ง Foreign Industrial Club หรือ FIC นี้ได้เปิดโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และนักลงทุนต่างชาติ ได้หารือเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านอุตสาหกรรม การค้า และการลงทุน เพื่อสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งตลอดจนเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยและผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ FIC จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และอำนวยความสะดวกในประสานงานระหว่างหน่วยงานไทยและต่างประเทศ” นายวิเชาวน์ กล่าว

นายกฯ พบ CEO ต่างชาติหมื่นล้าน โชว์แผนดึงการลงทุนเข้าไทย นายกฯ พบ CEO ต่างชาติหมื่นล้าน โชว์แผนดึงการลงทุนเข้าไทย