ชงบอร์ด กทพ.ขึ้นค่าทางด่วน 5 บาท บูรพาวิถี-ฉลองรัช-กาญจนภิเษก

ชงบอร์ด กทพ.ขึ้นค่าทางด่วน 5 บาท  บูรพาวิถี-ฉลองรัช-กาญจนภิเษก

การทางฯ ลุ้นบอร์ด 25 ก.ค.นี้ ไฟเขียวขึ้นค่าผ่านทาง 5 บาท รวม 3 สาย หลังครบกำหนดตามสัญญาในเงื่อนไขกองทุน TFFIF เริ่ม 1 ก.ย.นี้

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” โดยระบุว่า ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ จะมีการเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. เพื่อพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษฉลองรัช ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขข้อตกลงของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFFIF) ซึ่งกำหนดตามสัญญาจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางทุก 5 ปี คำนวณตามดัชนีผู้บริโภค (CPI)

อย่างไรก็ดี ตามสัญญาดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ 1 ก.ย.2566 ซึ่งพบว่าจากการคำนวณตามดัชนีในปัจจุบัน ส่งผลต่อการปรับขึ้นค่าผ่านทาง 5 บาท โดยการปรับขึ้นค่าผ่านทางถือเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา เนื่องจากที่ผ่านมา กทพ.ได้นำเงินที่ได้จากการระดมทุนในกองทุน TFFIF มาใช้ลงทุนพัฒนาโครงการทางด่วน และมีข้อกำหนดจะต้องโอนรายได้ค่าผ่านทางเป็นผลตอบแทนให้กับกองทุน TFFIF

“ที่ผ่านมาการทางฯ ต้องนำเงินค่าตอบแทนเข้ากองทุนตามกำหนด ในสัดส่วนรายได้ค่าผ่านทางที่มาจากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และโครงการทางพิเศษบูรพาวิถี จะต้องแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็น 45% ให้กองทุน TFFIF เป็นระยะเวลา 30 ปี ส่วนการทางฯ ได้รับรายได้ค่าผ่านทางในสัดส่วน 55% และมีข้อกำหนดด้วยว่าการทางฯ จะต้องมีการพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางเพื่อนำส่วนแบ่งรายได้ให้กับกองทุนเพิ่มเติม ดังนั้นหากไม่มีการปรับขึ้นค่าผ่านทางตามข้อกำหนดตามเงื่อนไขอาจเข้าข่ายทำผิดสัญญา”

นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้บอร์ด กทพ.ได้มอบหมายให้ไปเจรจากับผู้จัดการกองทุน TFFIF คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM และบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เพื่อชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทางดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน แต่ทางกองทุน TFFIF ยืนยันให้ดำเนินการปรับขึ้นค่าผ่านทางตามเงื่อนไขสัญญา เพราะเป็นไปตามเงื่อนไขกำหนด และต้องรักษาประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนด้วย

ทั้งนี้ จะมีการรายงานผลเจรจากับผู้จัดการกองทุน TFFIF เพื่อพิจารณาการตัดสินใจของบอร์ด กทพ.ในวันที่ 25 ก.ค.2566 โดยหากท้ายที่สุดยังมีนโยบายชะลอปรับขึ้นค่าผ่านทางเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน กทพ.ก็ประเมินแนวทางออกไว้เบื้องต้น คือ การลดสัดส่วนรายได้ของ กทพ.ที่นำส่งกระทรวงการคลังมาจ่ายชดเชยให้กองทุน TFFIF เป็นต้น

"หากบอร์ดพิจารณาอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางตามข้อกำหนดของกองทุน TFFIF ตามขั้นตอนการจะต้องเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอนุมัติ โดยตามข้อกำหนดไม่ต้องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยการปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้ ยังมีเวลาในการพิจารณาถึงเดือน ก.ย.นี้"

สำหรับโครงการทางด่วนที่จะมีการเสนอขอพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางในครั้งนี้ นอกจากโครงการที่ต้องดำเนินการตามสัญญา TFFIF จำนวน 2 สายแล้ว ยังมีโครงการที่ กทพ.ดำเนินการเอง ซึ่งไม่ได้ปรับขึ้นค่าผ่านทางมาเป็นเวลานาน และจะยื่นขออนุมัติปรับขึ้นตามดัชนีผู้บริโภค จำนวน 1 สาย ส่งผลให้โครงการทางด่วนที่เตรียมพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางมีจำนวนรวม 3 สาย ประกอบด้วย  

1.ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ปรับขึ้นตามสัญญา TFFIF จำนวน 5 บาท จากปัจจุบันจัดเก็บค่าผ่านทางเริ่มต้น แบ่งเป็น ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) รถ 4 ล้อ เริ่มต้น 20 บาท สูงสุด 55 บาท, รถ 6-10 ล้อ เริ่มต้น 50 บาท สูงสุด 145 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อขึ้นไป เริ่มต้น 75 บาท สูงสุด 220 บาท

2.ทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา -อาจณรงค์) ปรับขึ้นตามสัญญา TFFIF จำนวน 5 บาท จากปัจจุบันมีอัตราค่าผ่านทาง รถ 4 ล้อ 40 บาท, รถ 6-10 ล้อ 60 บาท และมากกว่า 10 ล้อขึ้นไป 80 บาท 

3.ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ปรับขึ้นตามดัชนีผู้บริโภค จำนวน 5 บาท จากปัจจุบันมีอัตราค่าผ่านทาง รถ 4 ล้อ เริ่มต้น 15 บาทสูงสุด 55 บาท, รถ 6 ล้อเริ่มต้น 25 บาท สูงสุด 105 บาท, รถ 8 -10 ล้อ เริ่มต้น 35 บาท สูงสุด 115 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อขึ้นไป เริ่มต้น 35 บาท สูงสุด 160 บาท