อสังหาฯฝากการบ้านรัฐบาลใหม่ งัดQuick winปรับโครงสร้างระยะยาว

นายกสมาคมอาคารชุดไทย เสนอรัฐบาลใหม่ออกมาตรการเร่งด่วนQuick win พร้อมปรับโครงสร้างระยะยาวกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ลดแรงกดดันผู้กู้ และสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ทาง3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วยสมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, และ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้เตรียมเสนอแนวทาง 8+3 มาตรการ ต่อรัฐบาลใหม่ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และวางโครงสร้างตลาดอสังหาฯ ให้ยั่งยืนจาก3 มาตรการเร่งด่วน ที่เขามากระตุ้นในปี 2569
เริ่มจาก การต่ออายุมาตรการ LTV (Loan to Value) สำหรับสินเชื่อบ้านและคอนโดฯวงเงินเต็ม 100% ที่จะหมดอายุ 30 มิ.ย. 2569 ขยายเป็น 30 มิ.ย. 2570 เพื่อให้ผู้กู้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ต่อด้วยขยายมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง ครอบคลุมทุกระดับราคา จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 7 ล้านบาทและกำกับธนาคารลดดอกเบี้ยแท้จริง ให้สอดรับกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หลังการลดดอกเบี้ยล่าสุด 0.25% แต่ธนาคารลดจริงเพียง 5-10 สตางค์
" 3 มาตรการเร่งด่วนจะช่วยลดแรงกดดันต่อผู้กู้และรักษาเสถียรภาพตลาดอสังหาฯ ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน "
มาตรการระยะยาวสร้างความยั่งยืน
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากมาตรการระยะสั้นแล้ว รัฐบาลควรจะออกมาตรการระยะยาว ได้แก่ 1.ปรับ LTV ระยะยาว ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและเศรษฐกิจ 2. ขยายสัญญาเช่า 30 ปี เป็น 60 ปี พร้อมจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจากชาวต่างชาติ เพื่อสร้างกองทุนสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง 3. จัดระเบียบการพักอาศัยของชาวต่างชาติ ผ่านกฎหมายอาคารชุดและบ้านจัดสรร ป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติควบคุมบริหารนิติบุคคล 4. สนับสนุน Mortgage Insurance สำหรับบ้านหลังแรก 10-20% เพื่อสร้างหลักประกันให้ธนาคารและลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ
5.ปรับดอกเบี้ยสินเชื่อตามความเสี่ยงผู้กู้ ความเสี่ยงต่ำดอกเบี้ยต่ำ ความเสี่ยงสูงดอกเบี้ยสูง 6.มาตรการรวมหนี้ (Debt Warehouse) ใช้บ้านเป็นหลักประกันเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้นอกระบบ 7.สนับสนุนโครงการอสังหาฯ ขนาดใหญ่ เช่น เฮลท์แคร์เซ็นเตอร์, เอดูเคชั่นฮับ, สวนสนุก, ศูนย์ประชุมนานาชาติ และศูนย์กีฬา โดยไม่รวมคาสิโนสร้างมูลค่าเพิ่มจากสาธารณูปโภคและ 8. Windfall Tax จากภาคเอกชนที่ได้รับประโยชน์ตามแนวเส้นทางเมกะโปรเจกต์รัฐ
" การนำ โมเดล 8+3 มาใช้จะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีความยั่งยืน ลดความเสี่ยงจากแรงกดดันผู้กู้ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 69"







