บอร์ดแข่งขันฯ อนุมัติ 'บางจาก' ควบรวม เอสโซ่ ตั้งเงื่อนไขไม่กระทบคู่ค้าเดิม

บอร์ดแข่งขันฯ อนุมัติ 'บางจาก' ควบรวม เอสโซ่ ตั้งเงื่อนไขไม่กระทบคู่ค้าเดิม

บอร์ดแข่งขันการค้า อนุมัติ “บางจาก” ซื้อหุ้น “เอสโซ่” 5.5 หมื่นล้านบาท แบบมีเงื่อนไข ชี้ต้องไม่กระทบคู่สัญญาเดิมของเอสโซ่ “ชัยวัฒน์” รอคำสั่งอนุญาตก่อนพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ พร้อมเดินหน้าตามแผน สเต็ปต่อไปเจรจาแหล่งเงิน มั่นใจเสริมขีดความสามารถการแข่งขันธุรกิจ

Key Note

  • คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าเห็นชอบให้ 'บางจาก' ซื้อหุ้น 'เอสโซ่' จาก  ExxonMobil ซึ่งทำให้บางจากเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ในเอสโซ่ในไทย
  • บางจากประเมินว่าจะใช้เงินในเข้าซื้อหุ้นเอสโซ่ประมาณ 55,000 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้สถาบันการเงินและใช้กระแสเงินสดบริษัท
  • CEO บางจาก จะดูรายละเอียดการอนุญาต เพื่อพิจารณาว่าต้องอุทธรณ์หรือไม่ หลังจากมีการอนุญาตให้ควบรวมแบบมีเงื่อนไข
  • เงื่อนไขที่กำหนด เช่น ภายหลังการควบรวมแล้วบางจากจะต้องไม่ทำให้มีผลกระทบกับคู่สัญญาเดิมของเอสโซ่

การเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ข้อสรุปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหลังจากนี้บางจากจะเดินหน้าตามขั้นตอนการซื้อหุ้นเอสโซ่จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ที่สัดส่วน 65.99% โดยก่อนหน้านี้บางจากประเมินว่าการซื้อหุ้นครั้งนี้ใช้วงเงินประมาณ 55,000 ล้านบาท และคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 3-4 ปี

คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้รับคำขออนุญาตซื้อหุ้นดังกล่าวเมื่อเดือน เม.ย.2566 โดยได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาการควบรวมกิจการ ซึ่งได้มีการประเมินผลกระทบจากการควบรวมกิจการต่อเศรษฐกิจ ผู้บริโภค รวมถึงธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันในประเด็นการมีอำนาจเหนือตลาด รวมทั้งได้พิจารณาลงไปถึงการแข่งขันรายผลิตภัณฑ์ที่บางจากและเอสโซ่ผลิตได้ ประกอบด้วย LPG ,Motor gasoline , JET , Diesel , Fuel Oil และยางมะตอย

นอกจากนี้ กขค.ได้พิจารณาข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ ที่เสนอให้มีการควบรวมทั้งแบบไม่มีเงื่อนไขและแบบมีเงื่อนไข ซึ่งได้ข้อเสนปเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2566

บอร์ดแข่งขันฯ อนุมัติ \'บางจาก\' ควบรวม เอสโซ่ ตั้งเงื่อนไขไม่กระทบคู่ค้าเดิม

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้การพิจารณาการควบรวมกิจการระหว่างเอสโซ่และบางจากได้ข้อสรุปแล้ว วันนี้ (18 ก.ค.) จะมีหนังสือลงนามโดยประธานบอร์ดแข่งขันฯ ส่งไปให้บางจากหากไม่มีคำอุทธรณ์ใดๆก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ทันที

“ผลการพิจารณาเป็นเชิงบวกแต่มีเงื่อนไข แต่โดยรวมถือว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจที่จะควบรวมและภาพรวมธุรกิจที่ยังคงต้องมีการแข่งขันได้อย่างเป็นธรรมซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ กขค.ให้ความสำคัญ” แหล่งข่าวกล่าว

รวมทั้งมีการพิจารณาว่าการควบรวมกิจการไม่มีผลเสียอย่างร้ายแรงต่อต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะผู้บริโภคเพราะในการบริหารราคาน้ำมันยังมีภาครัฐเป็นผู้ดูแลผ่านกลไกต่างๆ

ทั้งนี้ การเห็นชอบให้ควบรวมกิจการได้พิจารณากำหนดเงื่อนไขให้ผู้ควบรวมกิจการต้องปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลัง โดยบางจากต้องให้ความยุติธรรมกับคู่สัญญาเดิมของเอสโซ่ ซึ่งในประเด็นดังกล่าวจะคล้ายกับเงื่อนไขการควบรวมกิจการระหว่างซีพีและเทสโก้ โลตัส ที่กำหนดให้ซีพีคงสัญญาที่เทสโก้ โลตัส ทำกับซัพพลายเออร์ไว้ตามกรอบเวลาที่กำหนด

นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาถึงประเด็นที่ต้องการให้บางจากยังคงส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งมีการพิจารณาถึงประเด็นการถือหุ้นของรัฐในธุรกิจพลังงานทั้งของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบางจาก จะทำให้ภาครัฐมีบทบาทมากในธุรกิจนำ้มัน ซึ่งในกรณีของบางจากไม่ควรให้ภาครัฐเข้าไปถือหุ้นมากเกินไป เพื่อเป็นการส่งเสริมการแข่งขัน บอร์ดแข่งขันฯ อนุมัติ \'บางจาก\' ควบรวม เอสโซ่ ตั้งเงื่อนไขไม่กระทบคู่ค้าเดิม

บางจากเดินหน้าแผนซื้อหุ้นเอสโซ่

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า ขณะนี้บางจากฯ อยู่ระหว่างรอหนังสือจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เพื่อมาดูรายละเอียดของเงื่อนไขการซื้อกิจการว่า บางจากจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่

“การดำเนินการเข้าซื้อหุ้นของเอสโซ่ยังเป็นไปตามกรอบเวลาที่บางจากฯ กำหนดไว้ ซึ่งหลังได้รับการอนุญาตแล้วจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องทางการเงิน” นายชัยวัฒน์ กล่าว

รายงานข่าวจากบางจากระบุว่า ที่ผ่านมาบางจากได้ประเมินวงเงินการซื้อหุ้นเอสโซ่สัดส่วน 65.99% จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท โดยบางจากจะใช้วงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากสถาบันการเงินและกระแสเงินสด ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือกับสถาบันการเงินในช่วงเดือน ส.ค.2566

นอกจากนี้ ในรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเกี่ยวกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ระบุว่า จากการประเมินรายได้และรายจ่ายของเอสโซ่เห็นว่าช่วงราคายุติธรรมของหุ้นเอสโซ่เท่ากับ 8.13-12.36 บาทต่อหุ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับราคาซื้อขายที่คำนวณได้เบื้องต้นที่จะอ้างอิงจากงบการเงิน ณ วันที่ 30 ก.ย.2565 ที่ 8.84 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบางจากระบุว่าราคาหุ้นสุดท้ายที่จะเข้าซื้อนั้น จะพิจารณาข้อมูลจากงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2566

ดันมาร์เก็ตแชร์ตลาดน้ำมันให้กลุ่มบางจาก

นอกจากนี้ ในการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว บางจากได้ประเมินว่าการควบรวมกับเอสโซ่จะทำให้ได้สินทรัพย์เพิ่มขึ้น ดังนี้

1.ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน จะทำให้มีจำนวนปั๊มรวม 2,145 แห่ง แบ่งเป็นของบางจาก 1,343 แห่ง และเอสโซ่ 802 แห่ง และเมื่อรวมกันจะทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดปั๊มน้ำมัน 7.7% ในขณะที่ปั๊มน้ำมันรวมทั่วประเทศในปี 2565 อยู่ที่ 27,993 แห่ง โดยสัดส่วนปั๊มที่ไม่มีแบรนด์มีปริมาณสูงสุด 70.9% รองลงมาเป็นบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR 8.5% , บริษัทพีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PT 8.0% ส่วนบางจากและเอสโซ่อยู่ในอันดับ 3

ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันสำเร็จรูปสูงสุดยังเป็นของ OR 39.6% รองลงมาเป็นบางจากและเอสโซ่รวมกัน 21.4% , บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) 7.0% และบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด 6.7%

ทั้งนี้ บางจากมีแผนการทำตลาดค้าปลีกน้ำมัน โดยจะมีการเปลี่ยนโลโก้ปั๊มน้ำมันเอสโซ่เป็นบางจากได้ช่วงปลายปี 2566 และประเมินว่าจะเปลี่ยนได้หมดภายใน 2 ปี บอร์ดแข่งขันฯ อนุมัติ \'บางจาก\' ควบรวม เอสโซ่ ตั้งเงื่อนไขไม่กระทบคู่ค้าเดิม

เพิ่มศักยภาพโรงกลั่นให้บางจาก

2.ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน กรณีควบรวมเสร็จจะทำให้บางจากและเอสโซ่มีกำลังการกลั่นรวมวันละ 297,000 บาร์เรล แบ่งเป็นเอสโซ่ วันละ 177,000 บาร์เรล และบางจากวันละ 120,000 บาร์เรล 

ขณะที่กำลังการกลั่นของโรงกลั่นในปัจจุบันพบว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC มีกำลังการกลั่นมากที่สุดที่วันละ 280,000 บาร์เรล รองลงมาเป็นบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) วันละ 275,000 บาร์เรล , บริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) 215,000 บาร์เรล และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) วันละ 175,000 บาร์เรล

ทั้งนี้ หากนับกำลังการกลั่นของบางจากและเอสโซ่รวมกันจะทำให้มีกำลังการกลั่นขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แต่ถ้านับกำลังการกลั่นของกลุ่ม ปตท.มารวมกัน (ไทยออยล์ , ไออาร์พีซี , จีซี) จะทำให้กลุ่ม ปตท.อยู่อันดับ 1 เช่นเดิม

นอกจากนี้ บางจากเชื่อว่าการซื้อกิจการเอสโซ่ครั้งนี้จะเป็นการเปิดศักราชบทใหม่ของบางจาก ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับบางจาก โดยเฉพาะในธุรกิจโรงกลั่นที่ต้องแข่งขันกับโรงกลั่นในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ และการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้บางจากจะได้โรงกลั่นศรีราชาของเอสโซ่ ซึ่งถือว่าเป็นโรงกลั่นที่มีศักยภาพของ ExxonMobil และทำให้บางจากไม่ต้องขยายโรงกลั่นของตัวเองที่ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ