สศก. กองทุนเอฟทีเอ ร่วมสร้างเกษตรไทย ก้าวทันโลกเสรี

สศก. กองทุนเอฟทีเอ ร่วมสร้างเกษตรไทย ก้าวทันโลกเสรี

กองทุนเอฟทีเอ ก้าวสู่ปีที่ 20 ดำเนินการมาแล้วกว่า 30 โครงการ13 ชนิดสินค้า ช่วยเกษตรกรได้กว่า 1.3 แสนราย พร้อม เปิดสัมมนาใหญ่ ร่วมคิดร่วมสร้างเกษตรไทย ก้าวทันโลกการค้าเสรี

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ก้าวสู่ปีที่ 20 กองทุน FTA ภาคเกษตร : ร่วมคิดร่วมสร้างเกษตรไทยก้าวทันโลกการค้าเสรี”  ว่า  ภาคเกษตรไทย มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ เป็นแหล่งจ้างงานสร้างรายได้ให้กับประเทศ มีการผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปทั่วโลก ซึ่งการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) เป็นหนึ่งในเครื่องมือส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการดำเนินนโยบายการค้าการส่งออกของประเทศไทย

 แต่อย่างไรก็ตาม FTA บางฉบับ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสินค้าและบริการบางประเภทของประเทศภาคี ดังนั้น คณะรัฐมนตรี จึงเห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ หรือ กองทุน FTA ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2547 เป็นต้นมา เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการจัดทำ FTA เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายในการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างทางการเกษตร พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มผลผลิตให้มีคุณภาพมาตรฐาน

สศก. กองทุนเอฟทีเอ ร่วมสร้างเกษตรไทย ก้าวทันโลกเสรี สศก. กองทุนเอฟทีเอ ร่วมสร้างเกษตรไทย ก้าวทันโลกเสรี สศก. กองทุนเอฟทีเอ ร่วมสร้างเกษตรไทย ก้าวทันโลกเสรี

 

นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน ปี 2564 กองทุน FTA ยังได้มีการลงนาม MOU ร่วมกับ 9 หน่วยงาน ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน จำกัด และ บริษัท พรีเมี่ยม บีฟ จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ให้มีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยความร่วมมือดังกล่าว ได้ขยายระยะเวลาไปจนถึงกันยายน ปี 2569

ดังนั้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดย กองทุน FTA จึงจัดสัมมนาขึ้น เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนของหน่วยงานที่ MOU ร่วมกันถึงข้อมูลกลุ่มสินค้า และกลุ่มเกษตรกรที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า รวมไปถึงนำเสนอความก้าวหน้าในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ กองทุน FTA ก้าวมาสู่ปีที่ 20 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 34 โครงการ 13 ชนิดสินค้าสำคัญ คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเทียม ข้าว ชา กาแฟ ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว พริกไทย ผักเมืองหนาว โคเนื้อ โคนม สุกร และหญ้าเนเปียร์ โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์มากกว่า 130,000 ราย และกองทุน FTA ยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือ และพร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการเปิดเสรีทางการค้า ด้วยการปรับโครงสร้างการผลิต ปฏิรูปผลผลิตทางการเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และมูลค่าสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน "