'ราคา LPG ตลาดโลก' อ่อนตัวลง ลุ้นกบน.เคาะตรึงต่อก๊าซหุงต้ม 

'ราคา LPG ตลาดโลก' อ่อนตัวลง ลุ้นกบน.เคาะตรึงต่อก๊าซหุงต้ม 

“กบน.” หารือสัปดาห์หน้า เคาะตรึงต่อ LPG หรือไม่ หลังราคาตลาดโลกอ่อนตัว  ผู้ค้าหนุนรัฐคงราคาที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก.หวังดูแลค่าครองชีพ กองทุนน้ำมันติดลบลดลง เหลือ 6 หมื่นล้าน 

แหล่งข่าวจาก กระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อ 7 มี.ค. 2566 กำหนดราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. -30 มิ.ย. 2566 ว่า เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลรักษาการทำให้ กบง. ซึ่งมีหน้าที่ดูแลด้านนโยบายพลังงานไม่สามารถพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมาตรการใด ๆ รวมถึงนโยบายด้านราคาของก๊าซหุงต้ม LPG ได้

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน โดยผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเห็นว่า ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่ทำหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติดูแลความมั่นคงด้านน้ำมันและ LPG และมีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะสามารถพิจารณาเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนได้ ดังนั้น ขณะนี้ กบน. กำลังพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ อยู่ โดยคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาแนวทางได้ไม่เกินวันที่ 28 มิ.ย. 2566 หรือภายในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ราคา LPG ตลาดโลก (CP) เดือนมิ.ย. 2566 อยู่ที่ 445 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลงจากเดือนพ.ค. 2566 ถึง 110 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้กองทุนน้ำมันฯ อุดหนุนราคา LPG เพียง 0.17 บาทต่อกก. และเมื่อรวมกับกองทุน 1 ที่ปัจจุบันมีเงินไหลเข้าบัญชีเฉลี่ยที่ 20.38 ล้านบาทต่อวัน หรือเดือนละประมาณ 611 ล้านบาท จึงถือว่ากองทุนน้ำมันฯ ไม่ได้แบกภาระก๊าซ LPG มากนัก เพราะฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2566 ติดลบที่ 60,189 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 14,077 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 46,122 ล้านบาท

แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับราคาดีเซลตลาดโลกขณะนี้มีแนวโน้มผันผวนระดับสูงหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยล่าสุด รวมไปถึงธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% และดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.10% จึงส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันในระยะนี้มีการปรับขึ้นอยู่ในระดับที่สูงจากช่วงเดือนก่อนหน้านี้

\'ราคา LPG ตลาดโลก\' อ่อนตัวลง ลุ้นกบน.เคาะตรึงต่อก๊าซหุงต้ม 

เทรนด์ราคาพลังงานโลกยังผันผวน 

“ช่วงนี้น้ำมันดีเซลตลาดโลกยังคงมีความผันผวนและปรับขึ้น โดยกองทุนน้ำมันฯ มียอดการกู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้คู่ค้าน้ำมันมาตรา 7 แล้ว 50,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการกู้เงินอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้เงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องในช่วงเดือนก.ค. 2566 นี้ ดังนั้น หากกระทรวงการคลังมีความชัดเจนในเรื่องของมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลที่จะครบกำหนดวันที่ 21 ก.ค. 2566 นี้ จะช่วยให้กระทรวงพลังงานมีแนวทางในการบริหารจัดการได้ดียิ่งขึ้น” 

นายนรุตม์ ภัทรชัยพร นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) กล่าวว่า มาตรการตรึงราคา LPG ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก. ใกล้สิ้นสุดลง หากเป็นไปได้ยังคาดหวังว่ากระทรวงพลังงาน จะพิจารณาต่ออายุมาตรการดังกล่าวออกไปอีก เพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชนที่ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง 

อย่างไรก็ตาม หากราคาก๊าซ LPG ยังคงอยู่ในระดับที่สูง นอกจากจะเพิ่มภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนแล้วยังส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่าย LPG ภาคครัวเรือนด้วย ซึ่งขณะนี้ลดลงเฉลี่ยประมาณ 3-5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้น หากเป็นไปได้ ก็อยากเห็นมาตรการลดราคา LPG ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ 

“ใจจริงเราก็อยากให้รัฐบาลลดราคาลงอีก แต่ก็เข้าใจว่ากองทุนน้ำมันฯ ยังแบกภาระจากการเข้าไปอุดหนุนราคา LPG ก่อนหน้านี้ ที่ราคาตลาดโลกสูงมากจึงทำให้บัญชีติดลบกว่า 40,000 ล้านบาทแล้ว ดังนั้น ขอเพียงกระทรวงพลังงานไม่ปรับราคาขึ้น ก็นับว่าจะไม่ทำให้ประชาชนรับภาระค่าครองชีพเพิ่ม”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้กำหนดวงเงินบนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยจำนวน 14 ล้านคน เพื่อเป็นส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้ม LPG ภาคครัวเรือน จาก 45 บาทเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และปัจจุบันปรับลดเหลือ 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ถือเป็นมาตรการดูแลอีกส่วนหนึ่ง 

เข้มบัตรสวัสดิการรัฐตรงวัตถุประสงค์

ขณะเดียวกันการใช้บัตรดังกล่าวล่าสุดประชาชนสามารถที่จะรวมบัตรหลาย ๆ ใบ จากคนในครอบครัวเพื่อมาลดราคาLPG 1 ถังได้อีกด้วย เช่นทั้งครอบครัวมีบัตร 3 ใบ นำทั้ง 3 ใบมาลด LPG คิดเป็นมูลค่าบัตรรวม 240 บาทเมื่อซื้อ 1 ถังถังละ 423 บาทเท่ากับจะต้องจ่ายเพิ่มเพียง 183 บาทเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมาแสดงตนในการใช้สิทธิ์ที่ร้านค้าด้วยตนเองฝากบัตรไม่ได้

สำหรับกรณีที่ร้านค้า LPG หลายแห่งมีการรูดเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้เงินผิดวัตถุประสงค์โดยแทนที่จะใช้เงินเป็นส่วนลด LPG กลับไปใช้เพื่อแลกซื้อสินค้าอื่น ๆ เช่น เช่นไข่ไก่ น้ำมันพืช ข้าวสาร ฯลฯ แทนนั้น ทางกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว 

โดยมีการกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เข้มงวดขึ้น อาทิ ให้ร้านค้าใหม่ที่ร่วมโครงการต้องมีใบรับแจ้งการประกอบกิจการควบคุม ตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง, มีหน้าร้าน ที่ตั้งร้านค้าแน่นอน , ไม่เคยถูกเพิกถอนสิทธิ เป็นต้น หากฝ่าฝืนจะมีการเพิกถอนการเป็นร้านค้าก๊าซฯ ที่่ร่วมโครงการ และแจ้งกรมบัญชีกลางพิจารณาการส่งคืนเครื่อง EDC หรือยกเลิกการใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน รวมทั้งจะดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย