‘ก้าวไกล’ ตั้ง 15 คณะทำงาน ‘เพื่อไทย’ วาง 5 กรอบ พรรคร่วมลุยวาง ‘นโยบายรัฐบาล’

‘ก้าวไกล’ ตั้ง 15 คณะทำงาน ‘เพื่อไทย’ วาง 5 กรอบ พรรคร่วมลุยวาง ‘นโยบายรัฐบาล’

พรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกล เดินหน้าสู่การจัดทำนโยบาย พิธา นำทีมพรรคร่วมผนึกตั้ง 15 คณะทำงาน วางแผนทำงานสำคัญ รับฟังปัญหาทำนโยบาย เตรียมลงพื้นที่สัญจร เพื่อไทยวาง 5 กรอบทำงานด้านนโยบาย แนะทำแผนระยะสั้น กลาง ยาว เน้นเห็นผลเป็นรูปธรรม

หลังจากการเลือกตั้งผ่านไป 3 สัปดาห์ ด้วยชัยชนะของ "พรรคก้าวไกล" ที่ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากมีการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับพรรคการเมือง 8 พรรค ยังมีการกำหนดประเด็นเร่งด่วนที่จะเป็นกรอบทำงานและนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องเดินหน้าร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล

ระหว่างรอการรับรองส.ส.อย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.และคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีตามที่ผู้ร้องเรียน พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล (Transition Team) ซึ่งมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นประธานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อน วางแผนนโยบายด้านต่างๆ โดยมีการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการแล้ว 2 ครั้ง เมื่อรวมกับการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการทำงานของกรุงเทพมหานครและได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน

รวมแล้วมีการตั้งคณะทำงานแล้วทั้งสิ้น 15 ชุด ภายใต้การนำของ “รัฐบาลก้าวไกล” ได้แก่

1.คณะทำงานแก้ปัญหาค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และพลังงาน

2. คณะทำงานแก้ปัญหาภัยแล้ง และเอลนีโญ

3.คณะทำงานแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้

4.คณะทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ

5.คณะทำงานแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และ PM 2.5

6.คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง และ SMEs

7.คณะทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติด

8.คณะทำงานเศรษฐกิจและรัฐบาลดิจิทัล

9.คณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชันและต่อต้านส่วย

10.คณะทำงานปฏิรูปการประมง

11.คณะทำงานดูแลการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ จัดทำงบประมาณฐานสูง (zero budgeting)

12.คณะทำงานด้านสาธารณสุข ลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์

13.คณะทำงานปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ 

14.คณะทำงานด้านความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ

และ 15.คณะทำงานเปลี่ยนผ่านกรุงเทพมหานคร (Bangkok Transition Team)

ทั้งนี้พิธาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเตรียมจะมีการเดินทางสัญจรไปต่างจังหวัด เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชน การติดตามประเด็นสำคัญที่พรรคต้องการขับเคลื่อน เช่น สุราชุมชน สุราพื้นบ้าน ในภาคอีสาน การแก้ไขปัญหา PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นต้น

นอกจากนี้ในการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล "พรรคเพื่อไทย" ในฐานะพรรคอันดับ 2 ได้นำเสนอ 5 ประเด็นซึ่งเป็นกรอบทำงานร่วมกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ต่อประเทศ และต่อประชาชน ได้แก่

1. ความมั่นคงทางการคลัง ทุกนโยบายที่ใช้งบประมาณต้องคิดคำนวณอย่างละเอียดรอบคอบ ต้องมีผลลัพธ์ที่คุ้มค่าต่อเม็ดเงินภาษีของประชาชน ตั้งใจที่จะลดเม็ดขาดดุลการคลังลงเรื่อย ๆ หากสามารถสร้างสมดุลทางการคลังในอีก 7 ปีข้างหน้า จะเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อประเทศไทย

2. ระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ หมายถึงมีฐานภาษีที่สูงขึ้น มีผู้เข้าถึงระบบภาษีที่มากขึ้นจะทำให้รายได้รัฐมากขึ้น การคิดระบบภาษีจึงต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งแง่บวกแง่ลบ ต้องไม่กระทบภาคเอกชนและการระดมทุน

3. การออกแบบนโยบาย ต้องคิดคำนวณถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องควบคู่กับความเท่าเทียมของการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจ

4. คณะอนุทำงานแต่ละคณะ ต้องวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชน และระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง

5. เปิดประเทศหารายได้จากการต่างประเทศที่สร้างรายได้ ประเทศไทยต้องเปิดขึ้น เพื่อเชื่อมกับโลก ดึงดูดการค้าการลงทุน คือ รายได้มหาศาลที่จะเกิดขึ้น

เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือนตามไทม์ไลน์ของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ต้องติดตามต่อไปว่า “รัฐบาลก้าวไกล” และพรรคร่วมจะมีการตั้งคณะทำงานเพิ่มอีกกี่คณะ รวมทั้งหากได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกันในที่สุดจะมีประเด็นสำคัญอะไรบ้างที่มาจากคณะทำงานต่างๆที่ได้บรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาลใหม่