อุตฯท่องเที่ยวรับสภาพเชียงใหม่ ‘วิกฤติ’

เชียงใหม่ออกประกาศ ขอความร่วมมือหน่วยงานWork from homeในส่วนที่ไม่กระทบด้านบริการประชาชน ขณะที่นายกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่เผย สถานการณ์ฝุ่นพิษหนักหน่วงกระทบการท่องเที่ยว แต่สุขภาพของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวต้องมาเป็นอันดับแรก

สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงวิกฤติจาก PM 2.5 ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกประกาศเรื่องมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ โดยขอให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งจัดระบบการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home ในส่วนภารกิจที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชน ส่วนสถานบริการ สถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ ร้านอาหาร ขอให้พิจารณาให้บริการห้องปรับอากาศเป็นอันดับแรก เพื่อลดผลกระทบจากหมอกควันและ PM 2.5

รวมทั้งขอความร่วมมือให้บริษัท ห้างร้าน สถานประกอบการ พิจารณาอนุญาตให้พนักงาน Work from Home ส่วนกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ขอให้ลดหรืองดการออกนอกบ้าน พร้อมทั้งให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาเปิดบริการห้องปลอดฝุ่นให้แก่ประชาชน ส่วนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ไม่มีห้องปลอดฝุ่น ให้พิจารณาหยุดการเรียนการสอน และสวนสาธารณะในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ให้พิจารณาปิดพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง

โดยให้ดำเนินการเป็นเวลา 1 วัน คือในวันนี้ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายจะออกประกาศให้ทราบต่อไป
              
ด้านนายกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ พัลลภ แซ่จิว ระบุ เวลานี้ไม่ใช่เวลาพูดถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยว เพราะต้องคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก เพราะสถานการณ์ขณะนี้ถือว่าวิกฤติมาก หากจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาในขณะนี้คงไม่เหมาะสม เพราะจะเห็นภาพของมลภาวะมากกว่าเห็นความสวยงาม ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใน 1-2 วันนี้จะมีฝนตกหรือลมช่วยพัดหมอกควัน เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์บ้าง

คาดสงกรานต์ ‘เงียบเหงา’ ไร้นักท่องเที่ยว

ด้านนายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ ธนิต ชุมแสง ระบุ ร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่ช่วง 1-2 วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านที่เปิดช่วงกลางวัน หรือช่วงกลางคืน จะมีเครื่องปรับอากาศหรือไม่ ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักและเป็นวงกว้าง เพราะประชาชนออกจากบ้านน้อยลง เนื่องจากกังวลเรื่องมลภาวะ

ยอมรับว่าการออกประกาศของทางการ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างแน่นอน หากไม่มีฝนหรือพายุช่วยพัดหมอกควันและฝุ่น คาดว่านักท่องเที่ยวจะหายไปเกินครึ่ง โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่เปลี่ยนแผนการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นที่สภาพอากาศดีต่อสุขภาพมากกว่า

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นงานระดับประเทศ ระดับรัฐบาลที่ต้องเข้ามาจัดการและดูแล หน่วยงานท้องถิ่นทำงานอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ไม่เพียงพอเพราะปัญหาใหญ่เกินกว่าระดับท้องถิ่นจะแก้ไขได้

อีกทั้งขอความร่วมมือให้บริษัท ห้างร้าน สถานประกอบการ พิจารณาอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือทำงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อกิจการของบริษัทห้างร้าน หรือสถานประกอบการ เพื่อลดการออกนอกเคหสถาน สำหรับกลุ่มเปราะบาง อาทิ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ขอให้ลดหรืองดการออกนอกบ้าน พร้อมทั้งให้หน่วยงานของรัฐ พิจารณาเปิดบริการห้องปลอดฝุ่นให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ไม่มีห้องปลอดฝุ่น ให้พิจารณาหยุดการเรียนการสอน และสวนสาธารณะในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ให้พิจารณาปิดพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างไรก็ตามให้ดำเนินการเป็นเวลา 1 วัน คือในวันศุกร์ที่ 7 เมษายน 2566 หากสถานการณ์ฝุ่นละออง ยังไม่คลี่คลายจะได้ออกประกาศให้ประชาชนทราบโดยเร็วต่อไป

ด้าน นายพัลลภ แซ่จิว นายกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ณ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ต้องคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก เพราะสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM2.5 เชียงใหม่ ถือว่าวิกฤตเป็นอย่างมาก นอกจากสุขภาพของคนในเชียงใหม่แล้ว ต้องคำนึงถึงสุขภาพและความพอใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวด้วย หากจะเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในขณะนี้คงไม่เหมาะสม เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพของมลภาวะมากกว่าเห็นความสวยงาม หากมีนักท่องเที่ยวคนใด หรือคนที่มีผู้ติดตามในสังคมออนไลน์จำนวนมาก นำเรื่องราวหรือภาพเมืองเชียงใหม่ที่มีแต่หมอกควัน มีแต่ฝุ่นพิษ มันจะทำให้เกิดเป็นภาพและผลเสียในระยะยาวได้ ดังนั้นการบอกตรง ๆว่าเชียงใหม่ตอนนี้กำลังเผชิญกับอะไร และต้องเร่งแก้ไขเยียวยา จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากบอกตามความจริงแล้วนักท่องเที่ยวคนใดจะยังมาเที่ยวในช่วงที่มีอากาศเป็นพิษ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล

ดังนั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ เรื่องของสุขภาพ มากกว่า คุยถึงเรื่องของเงิน หรือรายได้ ตนขอเปรียบเทียบวิกฤติในช่วงนี้เหมือนกับน้ำท่วม คงไม่มีใครอยากเชิญนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตอนที่มีน้ำท่วม ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่ทุกวันว่า สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นพิษ มันหนักหน่วงและน่ากลัวขนาดไหน ซึ่งตนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าใน 1-2 วันนี้จะมีฝนกหรือ ลม ช่วยพัดหมอกควันไป หรือช่วยบรรเทาสถานการณ์ลงได้บ้าง

ขณะที่ศูนย์บัญชาการฯ เชียงใหม่ ได้รายงานจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 7 เมษายน 2566 รอบเช้า พบจุดความร้อน จำนวน 261 จุด เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แยกเป็นอำเภอได้แก่

  • แม่แจ่ม 23 จุด
  • แม่ออน 21 จุด
  • สะเมิง 10 จุด
  • แม่วาง 6 จุด
  • เวียงแหง 5 จุด
  • แม่แตง 4 จุด
  • อมก๋อย 3 จุด
  • แม่ริม 3 จุด
  • ดอยสะเก็ด 2 จุด
  • ฮอด 2 จุด
  • เชียงดาว 2 จุด
  • สันทราย 1 จุด
  • ดอยหล่อ 1 จุด
  • แม่อาย 1 จุด

สำหรับในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ แยกเป็นอำเภอได้แก่

  • พร้าว 54 จุด
  • เชียงดาว 38 จุด
  • เวียงแหง 19 จุด
  • แม่แตง 14 จุด
  • ฝาง 9 จุด
  • สะเมิง 8 จุด
  • ไชยปราการ 7 จุด
  • แม่แจ่ม 6 จุด
  • ดอยสะเก็ด 5 จุด
  • ฮอด 4 จุด
  • หางดง 2 จุด
  • แม่ริม 2 จุด
  • จอมทอง 2 จุด
  • แม่วาง 2 จุด
  • อมก๋อย 1 จุด
  • แม่อาย 1 จุด
  • สันกำแพง 1 จุด

และในเขต สปก. มีแม่แจ่ม 1 จุด, กัลยาณิวัฒนา 1 จุด ซึ่งจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงปัจจุบัน ทั้งหมดจำนวน 9,408 จุด