กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศ 13 จังหวัดควร งดทำนาปรังรอบที่ 2

กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศ 13 จังหวัดควร งดทำนาปรังรอบที่ 2

กรมส่งเสริมการเกษตรขอความร่วมมือเกษตรกร 13 จังหวัด งดทำนาปรังรอบ 2 ลดเสี่ยงขาดทุนหากข้าวขาดน้ำ พร้อมสนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริมการปลูกข้าวปีละไม่เกิน 2 รอบ ได้แก่ การปลูกข้าวนาปี (1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม) และ การปลูกข้าวนาปรัง (1 พฤศจิกายน – 30 เมษายน) และหากมีการปลูกข้าวอีกจะเป็นนาปรังรอบที่ 2 (1 มีนาคม – 30 เมษายน) ซึ่งจะเป็นการปลูกข้าวเป็นรอบที่ 3 ของปี

 

กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศ 13 จังหวัดควร งดทำนาปรังรอบที่ 2 กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศ 13 จังหวัดควร งดทำนาปรังรอบที่ 2

ซึ่งจากสถานการณ์การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566 ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 พบว่า มีการเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 จำนวน 12.23 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 90 ของแผนการปลูกข้าว โดยแบ่งเป็นในเขตชลประทาน 9.61 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.62 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.97 ล้านไร่ และเกษตรกรจะทยอยเก็บเกี่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา

ดังนั้น หากเกษตรกรเพาะปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 ต่อเนื่องทันที จะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำของข้าวที่อยู่ระหว่างการเพาะปลูกและกระทบต่อปริมาณน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยา ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอความร่วมมือเกษตรกร 13 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี นครสวรรค์ พิจิตร ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี งดทำนาปรังรอบ 2

เพื่อรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและระบบชลประทาน ลดความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำ เนื่องจากไม่มีน้ำต้นทุนเพียงพอ ทั้งจะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์จากภาวะน้ำเค็มรุกท้ายลุ่มเจ้าพระยา ประกอบกับข้อมูลจากการแถลง “การเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2566” เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าประเทศไทยตอนบนจะมีฝนใกล้เคียงค่าปกติ ภาคใต้ปริมาณฝนจะมากกว่าค่าปกติเล็กน้อย อาจเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงในปลายเดือนมิถุนายนและต้นเดือนกรกฎาคม 2566

และข้อมูลจากกรมชลประทาน เรื่องการขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้งดการทำนาต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่เพียงพอใช้ตลอดฤดูกาล

การพักนาไม่ปลูกข้าวอย่างต่อเนื่องนั้น มีประโยชน์และผลดีหลายด้าน ได้แก่ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนเนื่องจากต้นข้าวยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาพรวมของประเทศ เป็นการพักดินเพื่อลดปัญหาการสะสมของโรคและแมลงศัตรูข้าว โดยเกษตรกรสามารถปลูกพืชปุ๋ยสดแทนเพื่อปรับปรุงดินให้ดีขึ้น เช่น ปอเทือง ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม โสนอัฟริกัน ถั่วเขียว หรือพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านการใช้ปุ๋ยในฤดูกาลผลิตถัดไปได้