สรท.คาดปัจจัยรุมเร้าฉุดส่งออกไทยไตรมาสแรกติดลบ

สรท.คาดปัจจัยรุมเร้าฉุดส่งออกไทยไตรมาสแรกติดลบ

สรท.คาดไตรมาสแรกส่งออกติดลบ 3-5 % ก่อนฟื้นตัวดีในไตรมาส 2 และ 3 จากการเปิดประเทศของจีน ดัชนี PMI มีสัญญาณดีขึ้น กังวลบาทแข็งฉุดความสามารถแข่งขันไทย วอนธปท.เร่งช่วย เผยลงนามร่วมมือยูเออีลดต้นทุนผู้ส่งออก เปิดประตูการค้าสู่ตะวันออกกลาง

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า   สรท.ยังคงคาดการณ์การส่งออกปี 66 ขยายตัว 1-2 % มูลค่า 292,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ คือ 1. ปริมาณสินค้าคงคลังของคู่ค้ายังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้คู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้า 2. ต้นทุนการผลิตยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการ และจำเป็นต้องส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค (Consumer)

3. สถานการณ์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ส่งออกสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคาต่อประเทศคู่ค้าและคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อนกว่าไทยโดยเงินบาทเดือนต.ค.ปี 65 อยู่ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจุบันแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 14 % เมื่อเทียบกับปีประเทศคู่แข่งทั้งอินเดีย เวียดนาม จีน  ทำให้ผู้ส่งออกขาดดุลจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสรท.ได้ส่งข้อเสนอแนะเรื่องบาทแข็งไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ และ 4.ราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงมีความผันผวนตามสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ

สรท.คาดปัจจัยรุมเร้าฉุดส่งออกไทยไตรมาสแรกติดลบ

ส่วนปัจจัยบวกมาจาก1. การเปิดประเทศของจีน ช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่ว โลกรวมถึงไทยมีโอกาสส่งออกได้มากขึ้น 2. ค่าระวางเรือปรับตัวลดลงในเส้นทางหลักเกือบทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังก็มีสัญญาณที่ดีจากดัชนีภาคการผลิต Manufacturing PMI ในเดือนม.ค.2566 ของไทยเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอินเดียที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ประเทศคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้น Base line ณ 50 อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น แต่ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งยังคงต้องเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหว Manufacturing PMI ของประเทศจีนหลังจากเปิดประเทศแล้วต่อไปอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้การส่งออกในครึ่งปีแรกยังอยู่ในภาวะทรงตัว จากสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว  ต้องรอลุ้นครึ่งปีหลังแต่ก็คาดว่าจะฟื้นตัวแบบหน่วง โดยสรท.คาดการส่งออกของไทยในเดือน ม.ค.จะขยายตัวได้ 3-5 %  มูลค่า 22,000-22,500 ล้านดอลลาร์ ดีกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนก็ตาม และในไตรมาสแรกคาดว่าจะติดลบ 3-5% มูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์ เติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนไตรมาส 2 และไตรมาส 3 จะกลับมาขยายตัวได้ดีตามตามทิศทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งปียังมั่นใจว่าจะขยายตัวได้ 1-2%

สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญประกอบด้วย 1. อัตราแลกเปลี่ยน ขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเร็วเกินกว่าประเทศคู่ค้าสำคัญ

2.ด้านต้นทุน  โดยขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยทบทวนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเพิ่มมาตรการช่วยเหลือ SMEs ในซัพพลายเชนการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวควบคู่กัน ให้ภาครัฐควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (FT) ในภาคการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงพิจารณามาตรการสนับสนุน เพื่ออุดหนุนการใช้พลังงานทางเลือก เช่น มาตรการทางภาษี ลดหย่อนภาษี ในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกอื่นทดแทนอาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar), พลังงานหมุนเวียน (Renewable) และพลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นต้น  ส่วนค่าแรงขั้นต่ำนั้น ขอให้คณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างรอบคอบ สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

3. ด้านการค้าระหว่างประเทศ เร่งผลักดันกระบวนการเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ให้บรรลุผลโดยเร็ว

ส่วนความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ล่าสุดที่สหรัฐยิงขีปนาวุธใส่บอลลูนสอดแนมขนาดใหญ่ของจีนในน่านฟ้าสหรัฐ นั้น ในระยะสั้นไม่น่าจะกระทบต่อการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากต้องพึ่งพาอาศัยกันทั้งด้านห่วงโซ่อุปทานและซัพพลายเชน   แต่หากความขัดแย้งบานปลายออกไปก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล ซึ่งผู้ส่งออกจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายชัยชาญ กล่าวว่า   สำหรับการเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในระหว่างวันที่ 6-8 ก.พ. ทางสรท.และ Mr.Mahmood Al Bastaki, General Manager, World Logistics Passsport ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ โครงการ World Logistics Passport (WLP) โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ซึ่งWLP มีเครือข่ายพันธมิตรมากกว่า 200 บริษัททั่วโลก  ซึ่งผู้ส่งออกไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการทั้งช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนด้านการขนส่ง    และสามารถใช้ศักยภาพระบบโลจิสติกส์ของดูไบที่เชื่อมโยงสนามบิน ท่าเรือ ระบบขนส่งทางถนนและรางเป็นประตูสู่ตะวันออกกลาง แอฟริกาและอเมริกาใต้ผ่านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ

โดย สรท. และ WLP พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างโอกาสทางการค้าในตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทยผ่านเครือข่ายของ WLP ทั่วโลก