ภารกิจ “มิชชั่นทูเดอะซัน” “ดับบลิวเอชเอ” ลุยลงทุน 6.8 หมื่นล้าน

ภารกิจ “มิชชั่นทูเดอะซัน” “ดับบลิวเอชเอ” ลุยลงทุน 6.8 หมื่นล้าน

 “Mission to the Sun” ถูกประกาศเป็นพันธกิจสำคัญของ “ดับบลิวเอชเอ” ในการ ขับเคลื่อนธุรกิจตั้งแต่ปี 2566-2570 ประกอบด้วย 9 โครงการ ที่ดำเนินพร้อมกันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่ตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมและความต้องการของลูกค้า 

รวมทั้งสร้างการพัฒนาองค์กรและบุคลากรที่เป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ได้แก่ กรีนโลจิสติกส์, สินทรัพย์ดิจิทัล (เมตา ดับบลิว), ดิจิทัลเฮลธ์เทค, การใช้ทรัพยากรหมุนเวียนในนิคมอุตสาหกรรม, การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร, พัฒนาคน, ที่ทำงานแห่งนวัตกรรม และการบริการแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ โดยมีการเซ็นสัญญาดีลใหญ่และโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่มทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ทำให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยรายได้และกำไรปกติปี 2565 ขยายตัว 31% 

ขณะที่ปี 2566 คาดว่าจะเติบโตได้ 2 หลัก (double-digit) จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการลงทุนหลักของดับบลิวเอชเอ โดยวิกฤติโลกร้อนและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานทุนจากจีนจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจซื้อขายคาร์บอนเครดิต และกรีนโลจิสติกส์

รวมทั้ง ดับบลิวเอชเอ เตรียมเดินหน้ากลยุทธ์การก้าวไปสู่การเป็นเทคคอมปานีภายในปี 2567 และริเริ่มภารกิจ “Mission to the Sun” และเพื่อให้สอดคล้องกลยุทธ์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้วางงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า (2566-2570) เป็นงบลงทุน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โลจิสติกส์ 1.7 หมื่นล้านบาท, ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ 2.9 หมื่นล้านบาท, WHAUP 1.85 หมื่นล้านบาท และดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล 4 พันล้านบาท

สำหรับปี 2565 ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มียอดขายที่ดินรวม 1,860 ไร่ แบ่งเป็น 1,754 ไร่ ในไทย และ106 ไร่ในเวียดนาม สูงกว่ายอดขายที่ดินรวมในปี 2564 ที่ 855 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 117.5% ซึ่งปีนี้เศรษฐกิจดีขึ้นเชื่อว่าไทยและเวียดนามจะคว้าโอกาสจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ได้ โดยคาดว่ายอดขายนิคมอุตสาหกรรมปี 2566 จะใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ตั้งเป้ายอดขายที่ดินที่ 1,750 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 1,200 ไร่ และเวียดนาม 550 ไร่

ส่วนการขยายนิคมอุตสาหกรรมในไทยใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยองเฟส 1 พื้นที่ 1,100 ไร่ เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค.2565 และเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี 2 พื้นที่ 2,400 ไร่จะก่อสร้างปี 2569

นอกจากนี้ ขยายนิคมอุตสาหกรรมอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 พื้นที่ 570 ไร่ และการขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 พื้นที่ 400 ไร่

ส่วนในเวียดนามมีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 1 แห่ง และจะขยายโครงการเขตอุตสาหกรรมใหม่ ในจังหวัดหลักของเวียดนามอีก 2 โครงการ รวมพื้นที่ 20,950 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนในระยะยาว

เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ โซน 1 - เหงะอาน ได้ก่อสร้างเฟส 1 ขนาด 900 ไร่ แล้วเสร็จ ปล่อยเช่าให้แก่ลูกค้าจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ การแปรรูปอาหาร วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 77% ของพื้นที่ และภาวะอุตสาหกรรมที่มีความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมสูง จึงเร่งก่อสร้างเฟสที่ 2 พื้นที่ขนาด 2,215 ไร่

นอกจากนี้ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับทางการองค์กรท้องถิ่นของเวียดนามเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมอีก 2 แห่ง ได้แก่ เขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Industrial Zone-Thanh Hoa พื้นที่ 5,320 ไร่ ซึ่งจังหวัดทัญฮว้า เริ่มก่อสร้างปี2567 หรือต้นปี 2568 และเขตอุตสาหกรรม WHA Smart Eco Industrial Zone-Quang Nam พื้นที่ 2,500 ไร่ จะได้ประโยชน์จากที่ตั้งใจกลางของภาคกลางอย่างจังหวัดดานังและจังหวัดกว๋างหงาย โดยคาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตต่างๆ ในปี 2569 หรือ 2570 และจะเริ่มก่อสร้างหลังจากนั้น

ขณะที่ปี 2565 ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ เปิดโครงการและลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit โรงงาน และคลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 206,000 ตารางเมตร และได้ทำสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง 135,000 ตารางเมตร ส่งผลให้สิ้นปี2565 มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหาร 2,720,000 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ ตั้งเป้าขยายธุรกิจในไทย โดยโฟกัสพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ ได้แก่ กรุงเทพฯ บางนา-ตราด และจังหวัดต่างๆ ใน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และหาโอกาสใหม่ในเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่เติบโตสูง อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเฮลธ์แคร์ โดยพร้อมร่วมมือกับผู้นำธุรกิจระดับโลก ในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อาทิ Quantum Computing, Internet of Things (IOT), Data Analytics

ในปี 2566 บริษัท จะมีการส่งมอบโครงการใหม่และสัญญาใหม่ พื้นที่รวม 200,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 165,000 ตร.ม.ในไทยและ 35,000 ตร.ม.ในเวียดนาม ให้แก่กลุ่มลูกค้า อาทิ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มค้าปลีก

สำหรับธุรกิจ Office Solutions ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ เดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานอีกหลายแห่งบนทำเลทองในกรุงเทพฯ โดยล่าสุด โครงการ WHA KW S25 บนถนนสุขุมวิท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนก.ค. 2566 และเตรียมเปิดตัว ภารกิจ “มิชชั่นทูเดอะซัน” “ดับบลิวเอชเอ” ลุยลงทุน 6.8 หมื่นล้าน