“อีสท์ วอเตอร์” เร่งส่งมอบทรัพย์สิน คืนกรมธนารักษ์ภายในไตรมาส 1

“อีสท์ วอเตอร์” เร่งส่งมอบทรัพย์สิน คืนกรมธนารักษ์ภายในไตรมาส 1

"อีสท์ วอเตอร์" ยืนยันไตรมาส 1 ปีนี้ เตรียมส่งมอบส่วนระบบปฏิบัติการท่อส่งน้ำ บ้านพักและโรงสูบน้ำคืนกรมธนารักษ์ คาดรายได้หลังส่งมอบทรัพย์สินลดลงแต่จะไม่ขาดทุน เผยเตรียมแผนเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ปี 66 มองรายได้ยังโตจากความต้องการน้ำในอีอีซีและภาวะฝนแล้ง

สำหรับโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกหรือ โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ที่อีสวอเตอร์จะต้องส่งมอบให้กับกรมธนารักษ์ มีอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการหนองปลาไหล-หนองค้อ และ โครงการหนองค้อ-แหลมฉบังระยะที่ 2 ซึ่งทั้งสองโครงการนี้ ไม่ได้มีสัญญาสัมปทานกับอีสวอเตอร์ เพียงแต่ให้อีสวอเตอร์เป็นผู้บริหาร

เมื่อกรมฯได้ผู้รับสัมปทานรายใหม่ คือ วงษ์สยามก่อสร้าง จึงได้ส่งหนังสือไปยังอีสวอเตอร์ เพื่อดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้แก่กรมฯ ภายใน 60 วัน ขณะที่สัญญาในโครงการดอกกลาย มีกำหนดสิ้นสุดสัญญาสิ้นปี 2566 ซึ่งอีสท์ วอเตอร์จะต้องส่งมอบสัญญาหลังจากสิ้นสุดสัญญาดังกล่าวทันที

 

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางขั้นตอนการส่งมอบโครงข่ายท่อส่งน้ำคืนให้กรมธนารักษ์ ระยะทาง 135.9 กิโลเมตร แต่แผนดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการให้สิทธิบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำแต่ละสถานีสูบร่วมกัน

นอกจากนี้ การก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำของบริษัท บางส่วนมีการใช้พื้นที่ราชพัสดุ เมื่อต้องมีการตัดแยกระบบท่อส่งน้ำออกจากกันเป็น 2 ส่วน จึงทำให้ยังคงมีทรัพย์สินของบริษัทบางส่วนอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุดังกล่าว ซึ่งเป็นกรณีที่ทั้งบริษัทฯ และกรมธนารักษ์จะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว 

 

"ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถการส่งมอบพื้นที่ส่วนบ้านพัก โรงสูบน้ำ และส่วนระบบปฏิบัติการท่อส่งน้ำหลักให้แก่กรมฯ ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการกำหนดข้อตกลงประเด็นพื้นที่ทับซ้อนและสิทธิในการใช้งานร่วมกัน ไม่อย่างนั้นอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตได้ และสร้างความเสียหายแก่ผู้ใช้น้ำ"

อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่าการส่งมอบทรัพย์สินคืนแก่กรมธนารักษ์จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท แต่จะไม่ส่งผลรุนแรงจนทำให้ขาดทุน โดยบริษัทได้เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างเต็มที่ ด้วยการก่อสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง เพิ่มเติมอีกประมาณ 136 กิโลเมตร แบ่งเป็นการดำเนินการ 2 กลุ่ม ได้แก่

1.โครงการระบบท่อส่งน้ำมาบตาพุด-สัตหีบ ความยาว 26.7 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 1,321 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2565 และคาดว่าจะพร้อมส่งจ่ายน้ำภายในเดือน พ.ย. 25666

2.โครงการระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง ความยาว 67.14 กิโลเมตร พร้อมลงทุนก่อสร้างสถานีสูบน้ำเพิ่มแรงดันหนองปลาไหลแห่งใหม่ วงเงินลงทุน 4,201 ล้านบาท เริ่มงานก่อสร้างแล้วตั้งแต่เดือนก.ค. 2565 โดยคาดว่าจะพร้อมส่งน้ำได้บางส่วนในต้นปี 2566 และก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานก่อนสิ้นปี

ซึ่งการลงทุนวางท่อส่งน้ำสายหลักในครั้งนี้ สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกในอีก 20 ปีข้างหน้าโดยเชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมดเป็นโครงข่ายท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ (Water Grid) ที่สมบูรณ์มากขึ้น

อีสท์ วอเตอร์ มีแผนเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งระยะสั้น  ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพของแหล่งน้ำดิบ มีรูปแบบการให้บริการน้ำครบวงจร ได้แก่ น้ำดิบ น้ำประปา น้ำอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสีย และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เน้นความต้องการของผู้ใช้น้ำเป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ