“จุรินทร์” ถกเอกชนบุก 3 ตลาดใหญ่ เป้าปี 66 สร้างเงินให้ประเทศอีก 3 แสนล้านบาท

“จุรินทร์” ถกเอกชนบุก 3 ตลาดใหญ่ เป้าปี 66 สร้างเงินให้ประเทศอีก 3 แสนล้านบาท

“จุรินทร์” ถกเอกชน จับมือบุก 3 ตลาดใหญ่ ทั้ง ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และ CLMV ตั้งเป้าปี 2566 สร้างเงินให้ประเทศเพิ่มอีก 3 แสนล้านบาท ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

วันนี้ (9 ธ.ค. 65) เวลา 11.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชนด้านการพาณิชย์(กรอ. พาณิชย์) เพื่อหารือร่วมกันทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชนแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าพร้อมด้วยนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนภาคเอกชน ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุม กรอ.พาณิชย์ มีภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยและสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย

เพื่อเตรียมการส่งออกปีหน้ารองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว และปัญหาอื่นๆ เช่น ประเด็นที่หนึ่ง ปี 2564 เศรษฐกิจ โลก +6% ในปีนี้ IMF คาดว่ามีแนวโน้ม +3.2% และปีหน้ามีแนวโน้ม +2.7% ซึ่งจะชะลอตัวในปีหน้าชัดเจน ประเด็นที่สองความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อราคาพลังงานและความมั่นคงทางอาหารของโลก ประเด็นที่สาม นโยบายซีโร่โควิดของจีน ที่จีนเป็นคู่ค้าลำดับหนึ่งของไทย เป็นตลาดส่งออกลำดับใหญ่อันดับสองของไทย ประเด็นที่สี่ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตส่งออกต่อไป และประเด็นที่ห้าทั้งหมดนี้จะมีผลกระทบต่อการส่งของไทยในปีหน้า

ซึ่งวันนี้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษให้การส่งออกปีหน้าตัวเลขยังคงดีที่สุดเท่าที่จะจับมือกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนของไทยเดินหน้าด้วยกัน วันนี้ที่ประชุมมีมติให้ตั้งวอร์รูมขึ้น เป็นวอร์รูม กรอ.พาณิชย์ที่ประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนทั้งหมด เพื่อทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตลอดปี 2566 รองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหายืดเยื้อที่ค้างคาจากปี 2564-2565 ที่ประชุมมีข้อสรุปเบื้องต้น  ตั้งเป้าบุกตลาดที่มีศักยภาพเพิ่มยอดการส่งออกจากมาตรการปกติที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นกรณีเฉพาะ บุก 3 ตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพประกอบด้วยตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และตลาด CLMV โดย 3 ตลาดใหญ่นี้ ปี 2565 คาดมียอดการส่งออกรวมประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และปี 2566 จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท เพิ่มอีก 300,000 ล้านบาท เป้าหมาย 3 ตลาด

 

1.ตลาดตะวันออกกลาง มุ่ง 3 ตลาดใหญ่ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี และกาตาร์ สินค้าเป้าหมายสำคัญคือ อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์  เครื่องปรับอากาศ และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ตั้งเป้าปี 2566 เพิ่มตัวเลขส่งออก 3 ประเทศนี้ 20% จาก 8,900 ล้านดอลลาร์ในปี 2565 เป็น 10,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 (350,000 ล้านบาท) และตลาดเอเชียใต้ เน้นประเทศสำคัญ 3 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศ และเนปาล ตั้งเป้าส่งออกปีหน้าใน 3 ประเทศนี้ ตลาดเอเชียใต้ +10% เพิ่มจากปีนี้ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเป็น 13,200 ล้านดอลลาร์ ในปี 2566 (450,000 ล้านบาท)  สินค้าสำคัญ เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น 3.ตลาด CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตั้งเป้า +10-15% จาก 28,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เป็น 33,500 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า (1.14 ล้านล้านบาท) สินค้าเป้าหมายสำคัญ เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเร่งรัดการค้าชายแดน เช่น อาหาร ผลไม้ ผักและสินค้าอื่นเป็นต้น เป็นหน้าที่ของวอร์รูมจากนี้ต่อไปทำตลาด และยอดเพิ่มจากปกติที่ตั้งไว้ ช่วยประเมินตัวเลขการส่งออกปีหน้าร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไปด้วย

และที่ประชุมพิจารณา เห็นชอบว่า ตนควรนำคณะไปเยือนประเทศเท่าที่จำเป็นสำคัญคือ 

1.  UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) จะเป็นประตูสำคัญอีกประตูหนึ่งนอกจากซาอุดีอาระเบียส่งสินค้าไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
2. อินเดีย โดยเฉพาะรัฐคุชราต มีเมืองอาห์เมดาบัด ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของอินเดีย มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
3. มณฑลยูนนาน ซึ่งไทยต้องเร่งรัดทำ Mini FTA เป็นที่ตั้งของด่านสำคัญของจีนคือ ด่านโม่ฮาน ขณะนี้รัฐบาลจีนเห็นชอบเปิดด่านได้แล้ว อาจมีปัญหาอุปสรรคในภาคปฏิบัติ จะเป็นโอกาสเจรจาร่วมกับมณฑลอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าไทยไปจีนผ่านมณฑลยูนนานคล่องตัวขึ้น 

สุดท้ายที่ประชุมเสนอให้นอกจากแผนงาน FTA ที่เดินหน้า ขณะรอการทำ FTA กับอังกฤษ เราควรเจาะทำ Mini FTA กับเมืองหรือเขตเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ เป็นการเร่งด่วนต่อไปด้วย และ Mini FTA กับปากีสถาน  โดยเฉพาะเมืองลาฮอร์ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของปากีสถาน และสุดท้ายกลุ่มอ่าวอาหรับหรือ JCC ถ้ารอทำ FTA จะใช้เวลา ถ้าเราสามารถเจาะทำ Mini FTA ได้ก่อนจะช่วยตัวเลขการส่งออกได้เร็วขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์