ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง 2.68 ดอลล์ ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยทุบเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง 2.68 ดอลล์ ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยทุบเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ปิดวันอังคาร(6ธ.ค.)ปรับตัวลง 2.68 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ  2.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

นอกจากนี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ กล่าวเตือนว่าเงินเฟ้ออาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า

"เงินเฟ้อกำลังกัดกร่อนทุกสิ่ง คิดเป็นมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในกลางปีหน้า ซึ่งอาจฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย" นายไดมอนกล่าวในรายการ "Squawk Box" ของสำนักข่าว CNBC

นายไดมอนกล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างๆยังคงอยู่ในสภาวะที่ดี แต่สิ่งนี้อาจดำเนินต่อไปได้ไม่นาน

นอกจากนี้ นายไดมอนกล่าวว่า การที่เฟดมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดที่ 5% ก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะสกัดเงินเฟ้อ

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทะลุ 5.0% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แม้เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่ผ่านมายังคงไม่สามารถสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพ.ค.2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ที่ระดับ 4.75-5.00%

นักลงทุนจับตาผลกระทบของมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียของสหภาพยุโรป (อียู) และกลุ่ม G7 ที่เริ่มมีผลบังคับใช้วานนี้

นอกจากนี้ ตลาดรอการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้