รัฐลุยโครงสร้างพื้นฐานดันเศรษฐกิจ 5 ล้านล้าน
วิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาไทยใช้เวลาฟื้น 2 ปี แต่ครั้งนี้อาจมากกว่า 2 ปี เพราะปัญหาโควิด-19 แพร่ไปทั่วประเทศ ต้องใช้ความร่วมมือภาครัฐและเอกชนช่วยกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ระบุ วิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาไทยใช้เวลาฟื้น 2 ปี แต่ครั้งนี้อาจมากกว่า 2 ปี เพราะปัญหาโควิด-19 แพร่ไปทั่วประเทศ ต้องใช้ความร่วมมือภาครัฐและเอกชนช่วยกัน ซึ่งนอกจากปัญหาโควิดแล้วยังมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อราคาพลังงาน และความมั่นคงทางอาหาร อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ
ขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 หลังผ่อนคลายการกลับมาเปิดประเทศทำให้การบริโภคและการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีขึ้น และได้อานิสงค์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า แม้ว่าจะฟื้นตัวช้ากว่าหลายประเทศ แต่การพื้นตัวเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัว 3.5-4% และการส่งออกจะเติบโต 3-5 % จากปีนี้ที่ส่งออกเติบโต 8 % ตามที่ภาคเอกชนคาดไว้
อย่างไรก็ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องมีแรงส่งโดยสิ่งที่ต้องทำคือเร่งส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าชายแดน การผลักดันการส่งออก และเร่งเรื่องการลงทุน ซึ่งปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการลงทุนในจีดีพีเพียง 24% เท่านั้นลดลงจากในอดีตซึ่งอยู่ที่ 40% โดยเฉพาะการเร่งขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรัฐวางเม็ดเงินลงทุนไว้ถึง 5 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการขนส่ง ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ภายในระยะเวลา 8-10 ปี โดยจะเป็นการลงทุนทั้ง ในระบบสาธารณูปโภค พลังงาน ซึ่งเม็ดเงินในการระดมทุนจะมาจากการออกพันธบัตร เงินกู้และงบประมาณภาครัฐ และส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ