เศรษฐกิจถดถอยแน่ “ไทย” รับมือไหวแค่ไหน

เศรษฐกิจถดถอยแน่ “ไทย” รับมือไหวแค่ไหน

จากปัจจัยหลายส่งผลให้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย คาดว่าในปี 2566 เศรษฐกิจทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวจะช่วยไว้ได้แต่มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐยังจำเป็นอยู่

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ส่อแวววิกฤติหนัก คาดการณ์ว่าปีหน้ามีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจทั่วโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างชัดเจน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ซึ่งประกอบไปด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ออกมาแสดงความกังวลในเรื่องนี้ องค์การการค้าโลก (WTO) คาดว่าปี 2566 การค้าโลกเติบโตระดับต่ำแค่ 1% จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจหลายประเทศ เพราะเงินเฟ้อสูงเป็นเวลานาน 

ขณะที่ ธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินเข้มงวด รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังส่งผลต่อตลาดพลังงานต่อเนื่อง สอดคล้องกับประมาณการล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ลดประมาณการเศรษฐกิจในหลายประเทศลง ก็ตอกย้ำโอกาสการเกิดเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐและ Euro Zone ที่มีโอกาสสูงที่จะเข้าภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

หันมามอง การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยที่หากมองยาวไปถึงปี 2566 คาดว่า จะปรับลดลงต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจไทยจะเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน ต้นทุนสูงขึ้นทั้งค่าไฟ ค่าแรง และสินค้านำเข้า นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจเริ่มลดบทบาทออกไปเพื่อปรับนโยบายสู่สมดุล ทั้งนโยบายการคลัง นโยบายการเงิน เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ LTV และการขึ้นค่าธรรมเนียม FIDF การถอนการสนับสนุนเศรษฐกิจหลายมาตรการพร้อมกัน จะยิ่งกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้เพิ่มมากขึ้น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงต่อเนื่อง

ความหวังอยู่ที่ “การท่องเที่ยว” เครื่องยนต์ขับเคลื่อนหลักที่มีแนวโน้มไปได้ดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยช่วง 10 เดือนแรก ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ต.ค. มีจำนวนสะสม 7,613,301 คน ตลาดอันดับ 1 คือ

  1. มาเลเซีย1,290,863 คน
  2. อินเดีย 682,911 คน
  3. ลาว 559,383 คน
  4. กัมพูชา 387,260 คน
  5. สิงคโปร์ 377,282 คน

ททท.คาดว่า 2 เดือนสุดท้าย จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนละ 1.5 ล้านคน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งปีนี้มีไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ถ้าตัวเลขเป็นแบบนี้หรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ไทยยังมีอาวุธไว้รับมือวิกฤติเศรษฐกิจได้บ้าง 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากภาครัฐ ยังคงจำเป็น การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เอสเอ็มอี ยังต้องหามาตรการที่ช่วยประคับประคอง ชะลอแรงกระแทก อย่างน้อยก็ช่วยกันประคับประคอง หิ้วปีกกันไปก่อนในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน แต่อย่างที่เคยบอกไปว่า เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจากนี้ ไม่ควรมีเพียงแค่ ท่องเที่ยว เราต้องหาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ให้ได้ เพื่อเพิ่มการต่อรองในเวทีเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวนและถดถอยอย่างรุนแรง