เศรษฐกิจโลกถดถอยจะยืดเยื้อและรุนแรงแค่ไหน | บัณฑิต นิจถาวร
อาทิตย์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศเตือนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธเพราะเงินเฟ้อเป็นปัญหาของเศรษฐกิจทั่วโลกและขณะนี้เศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักก็กําลังชะลอลงทั่วหน้า
คําถามคือภาวะถดถอยจะยืดเยื้อแค่ไหนและจะรุนแรงมากหรือไม่ เป็นคําถามที่ผมถูกถามบ่อย วันนี้จึงขอแชร์ความเห็นของผมในการตอบสองคําถามนี้ให้แฟนคอลัมน์ "เศรษฐศาสตร์บัณฑิต" ทราบ
เงินเฟ้อเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจทั่วโลก ล่าสุด ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐเดือนกันยายนอยู่ที่ ร้อยละ 8.2 เป็นตัวเลขที่สูงแม้ลดลงจากร้อยละ 8.3 เดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมอาหารและน้ำมันเร่งตัวขึ้นร้อยละ 6.6
ชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐเป็นปัญหาของแพงในทุกสินค้าไม่ใช่เฉพาะพลังงาน เป็นผลจากการส่งผ่านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากราคาพลังงาน ค่าจ้างแรงงาน และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นไปสู่ผู้บริโภค
คือเป็นผลรอบสองของเงินเฟ้อที่กําลังขับเคลื่อนภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐขณะนี้ ขณะที่ในอังกฤษและยุโรป อัตราเงินเฟ้อที่สูงขณะนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นผลจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นมาก
อัตราเงินเฟ้อที่สูงมีผลให้การใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจชะลอ ดึงให้การผลิตชะลอตาม ล่าสุด ตัวเลขการผลิตโลกเดือนกันยายนติดลบเป็นเดือนที่สอง ชี้ให้เห็นถึงขนาดของการชะลอตัวที่กําลังเกิดขึ้น
ตัวเลขการผลิตที่ลดลงเป็นเพราะความต้องการใช้จ่ายในเศรษฐกิจโลกลดลงทุกด้าน คือ เงินเฟ้อทําให้ผู้บริโภคประหยัด ลดการใช้จ่าย อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อแก้เงินเฟ้อก็ชะลอการบริโภคและชะลอการลงทุนจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
การสะสมสต๊อกก็ลดลงตามการใช้จ่ายที่ลดลง ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ชะลอทําให้ความต้องการสินค้าและบริการเพื่อการส่งออกและการท่องเที่ยวลดลงตามไปด้วยแม้ค่าเงินประเทศส่วนใหญ่จะอ่อนลง
นี่คือกลไกการปรับตัวที่กําลังเกิดขึ้นในทุกเศรษฐกิจ ที่เศรษฐกิจกําลังชะลอเพื่อลดเงินเฟ้อ จะแตกต่างกันก็ในแง่พลวัตในแต่ละประเทศ เช่น สหรัฐตอนนี้เศรษฐกิจชะลอแต่ไม่รุนแรง อัตราเงินเฟ้อยังสูงเพราะการส่งผ่านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นแม้ราคาพลังงานจะลดลง
กรณี อังกฤษและยุโรปเงินเฟ้อสูงมาก เพราะราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นมากทําให้เศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรงและอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลงมาก จีนแม้อัตราเงินเฟ้อจะตํ่าแต่เศรษฐกิจก็ชะลอมาก ขยายตัวเพียงร้อยละ 3.2 ปีนี้และร้อยละ 4.4 ปีหน้า เพราะผลจากมาตรการล็อกดาวน์และปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ขณะที่ผู้บริโภคจีนก็ประหยัดขึ้น
ส่วนญี่ปุ่น เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 โดยเป็นผลจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่ามากสุดในรอบ 34 ปี
การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักพร้อมกันนี้ กําลังดึงให้เศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่และเศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามไปด้วย
ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปีหน้าเหลือเพียงร้อยละ 2.7 ประเมินอัตราเงินเฟ้อโลกปีนี้ว่าจะสูงถึงร้อยละ 8.8 และจะยังสูงในปีหน้า และวิเคราะห์ว่าประมาณหนึ่งในสามของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจขยายตัวติดลบในปีนี้หรือปีหน้า ทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงภาวะเลวร้ายสุดของเศรษฐกิจโลกที่ยังมาไม่ถึง
จากประมาณการดังกล่าวจึงชัดเจนว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักคงนําเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ทำให้เศรษฐกิจโลกจะยิ่งชะลอตัวพร้อมกับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ สร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจทั่วโลก
ต่อคําถามว่าภาวะถดถอยจะยืดเยื้อหรือไม่ คําตอบของผม คือยืดเยื้อ เพราะปัจจัยที่เร่งให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตั้งแต่ต้นคือ ข้อจำกัดด้านอุปทาน สถานการณ์สงคราม ภาวะการขาดแคลนอาหารและนํ้ามันยังไม่คลี่คลายและดูท่าทีจะลากยาวโดยเฉพาะนํ้ามัน
เพราะประเทศผู้ผลิตน้ำมันได้ประโยชน์มหาศาลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และคงอยากเห็นราคานํ้ามันยืนอยู่ในระดับสูงต่อไป ล่าสุดกลุ่มประเทศผลิตนํ้ามันโอเปคพลัสที่มีสัดส่วนการผลิตนํ้ามันในตลาดโลกมากกว่าครึ่ง ได้ตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทําให้ราคานํ้ามันในตลาดโลกจะไม่ลดลงเร็วตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และสร้างความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกอาจเจอกับปัญหา Stagflation คือ ขยายตัวต่ำหรือติดลบพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูง
ต่อคำถามว่า ภาวะถดถอยจะรุนแรงมากหรือไม่ ผมคิดว่าคำตอบจะขึ้นอยู่กับสองปัจจัย '
ปัจจัยแรก คือขนาด ความเร็วและความต่อเนื่องของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐว่าจะต้องทํามากอีกแค่ไหนเพื่อลดเงินเฟ้อ ถ้ามากและอัตราดอกเบี้ยต้องยืนในระดับสูงเป็นเวลานาน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็จะมีมาก
ส่วนปัจจัยที่สอง คือ ความสามารถที่จะดูแลเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นโจทย์สำคัญของประเทศตลาดเกิดใหม่และโยงกับความสามารถในการทํานโยบายเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ เพราะถ้าดูแลไม่ได้ผลต่อเศรษฐกิจก็จะรุนแรง
อีกมิติความรุนแรงที่ต้องไม่มองข้ามคือผลที่เศรษฐกิจถดถอยจะมีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเศรษฐกิจแย่ อัตราเงินเฟ้อสูง ความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยจะถูกกระทบมาก
และถ้าอัตราเงินเฟ้อสูงยืนอยู่นานผลกระทบมีมาก อัตราความยากจนของประเทศก็จะเพิ่มสูงขึ้น เป็นได้ทั้งในประเทศอุตสาหกรรมและประเทศตลาดเกิดใหม่
ปัญหานี้ถ้ารุนแรงก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมได้ นี่คืออีกหนึ่งประเด็นความรุนแรงที่ต้องไม่ลืม.
คอลัมน์ เศรษฐศาสตร์บัณฑิต
ดร.บัณฑิต นิจถาวร
ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล