ประวิตร สั่งทำเขื่อนป้องกันริมตลิ่ง รับมือ น้ำหลาก ลุ่มน้ำป่าสัก – เจ้าพระยา

ประวิตร สั่งทำเขื่อนป้องกันริมตลิ่ง รับมือ น้ำหลาก ลุ่มน้ำป่าสัก – เจ้าพระยา

“ ประวิตร” ลงพื้นที่ จ.สระบุรี ห่วงสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำป่าสัก – เจ้าพระยา เร่ง 13 มาตรการรับมือพร้อมช่วยเหลือประชาชน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ การเตรียมการรับมือ และให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ณ  ศาลากลางจังหวัดสระบุรี 

 

ประวิตร สั่งทำเขื่อนป้องกันริมตลิ่ง รับมือ น้ำหลาก ลุ่มน้ำป่าสัก – เจ้าพระยา ประวิตร สั่งทำเขื่อนป้องกันริมตลิ่ง รับมือ น้ำหลาก ลุ่มน้ำป่าสัก – เจ้าพระยา

โดยกรมชลประทานได้นำเสนอแผนบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และแนวทางการระบายน้ำฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยา และผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเสนอการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง ก่อนลงพื้นที่ไปยังจุดซ่อมแซมคันกั้นน้ำบริเวณบริเวณ 23 ขวาคลองชัยนาท-ป่าสัก โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเริงราง และเดินทางไปวัดเชิงราก เพื่อรับฟังรายงานผลการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก และการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณวัดเชิงราก

พลเอก ประวิตร   กล่าวว่า  เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้มอบหมายให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช. ) กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และจังหวัดสระบุรี ดำเนินการตามแผนรับมือฤดูฝนทั้ง 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด และดำเนินการตามแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม ปี 2565 ที่ กนช.ได้เห็นชอบไว้

ประวิตร สั่งทำเขื่อนป้องกันริมตลิ่ง รับมือ น้ำหลาก ลุ่มน้ำป่าสัก – เจ้าพระยา

พร้อมมอบกรมโยธาธิการและผังเมือง พิจารณาก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก เพื่อลดผลกระทบจากการพังทลายของตลิ่งในช่วงน้ำหลาก อีกทั้งได้มอบให้ สทนช. ปภ. ทหาร ตำรวจ และจังหวัดสระบุรี สร้างการรับรู้และเข้าช่วยเหลือประชาชนทันที พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด และมอบหมาย สทนช. และกรมชลประทาน พิจารณาเร่งรัดการซ่อมแซมคันดิน 23 ขวาคลองชัยนาท-ป่าสัก พร้อมวางแผนปรับปรุงให้มั่นคงต่อไป

 

ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการพัฒนาโครงการด้านทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำป่าสัก โดยในปี 2561–2564 มีโครงการที่ดำเนินแล้วรวม 337 แห่ง ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8 ล้าน ลบ.ม. เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่กว่า 7 หมื่นไร่ อาทิ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยยางหนึ่ง จ.ลพบุรี ฝายบ้านลำน้ำอ้อย 2 จ.สระบุรี การพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทางรวมกว่า 7.5 กิโลเมตร

 

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำป่าสักในระยะนี้ แม้ในภาพรวมปริมาณฝนจะลดลง แต่ยังคงต้องติดตามประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน โดยเฉพาะภาคเหนือที่มีปริมาณฝนตกสะสมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไหลลงมายังพื้นที่ตอนล่างอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง.