ส.ค.นี้ ประชุม Jackson Hole ชี้ชะตาตลาดหุ้น

ส.ค.นี้ ประชุม Jackson Hole ชี้ชะตาตลาดหุ้น

กลยุทธ์การลงทุนจาก บลจ.ทิสโก้

ในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโดยรวม(iShare MSCI World ETF) ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.5% โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น ราว +2.5% ขานรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยประกาศออกมาราว 24% ของบริษัททั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลพบว่า กว่า 88% ของบริษัทที่ประกาศออกมามีผลการดำเนินงานดีกว่านักวิเคราะห์คาด 

ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นจีน ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนโยบายภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น กฏหมายว่าด้วยเรื่องการผูกขาด ,ด้านความปลอดภัยของข้อมูล และล่าสุดที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอย่างมากนั่นก็คือ การออกกฏคุมเข้มธุรกิจสถาบันกวดวิชา ทำให้ตลาดหุ้นจีน(iShare MSCI China ETF) ปรับตัวลดลงกว่า -13.6% สวนทางกับตลาดหุ้นโดยรวม

ประเด็นที่ต้องจับตามองในเดือนสิงหาคม

  • ผลการดำเนินงาน บ.จดทะเบียนไตรมาส 2 -  earning ดีกว่าคาดนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการ
  • ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 เริ่มทยอยประกาศออกมาราว 24% ของบริษัททั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลพบว่า กว่า 88% ของบริษัทที่ประกาศออกมามีผลการดำเนินงานดีกว่านักวิเคราะห์คาด
  • โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะสามารถขยายตัวได้ +74.2% (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ก.ค.21) เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2020 สะท้อนมุมมองเชิงบวกที่มีต่อตลาดหุ้นในระยะข้างหน้า 

162763270035

  • การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า 
  • ปัจจุบันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ พบว่า กว่า 83% ของผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงปลายเดือน ก.ค. ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ โดยไวรัสสายพันธุ์เดลต้านั้น มีคุณสมบัติที่น่ากังวล เนื่องจาก แพร่กระจายได้ง่าย มีอาการรุนแรง และ ลดประสิทธิภาพวัคซีน ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้เราจึงมองว่าเดือน ส.ค. จะเป็นเดือนที่ผลของการแพร่ระบาดชัดเจน (แม้ไม่ป่วยหนักในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว  แต่การกลับมาทำกิจกรรมเชื่อว่าจะยังไม่สะดวก) ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงกับระบบเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จนอาจทำให้ตลาด และ ธนาคารจะยังคงต้องผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไป
  • แต่อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในประเทศเศรษฐกิจสำคัญมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ในสหรัฐ อยู่ที่ 49.4% อังกฤษ 56.6% เยอรมนี 51% และ ยุโรป 48.8%  เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรทั่วโลกที่ฉีดครบ 2 โดสไปราว 14% ถือว่ามีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรงจนถึงขั้นเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ดังนั้น เรามองว่าผลกระทบจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้า จะค่อนข้างจำกัดหากมีการระบาดในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง 

162763277129

จากภาพแสดงให้เห็นว่า ในช่วงสายพันธุ์เดลต้าเริ่มระเบิดหนักตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. กลุ่มประเทศที่มีการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ในระดับสูง จะมีจำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นไม่มาก

  • จับตาอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ 11 ส.ค. 
  • อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ตลาดกังวลได้ในช่วงเดือนส.ค. นั่นก็คือ อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งเร่งตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 5.4% ซึ่งเป็นการเร่งตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 
  • เรามีมุมมองว่าเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นสูงนี้ จะเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ และจะค่อยๆปรับลงสู่สมดุลได้ในช่วงสิ้นปี สอดคล้องกับมุมมองของFed ที่มองว่าจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว  โดยสาเหตุหลักยังคงมาจากฐานคำนวณที่ต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อน และจากอุปทานที่ตึงตัว
  • ซึ่งถ้าหากเงินเฟ้อที่จะประกาศในวันที่ 11 ส.ค.นี้ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด ก็อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นได้ในช่วงกลางเดือน ส.ค.
  • การประชุม Jackson Hole Symposium ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.
  • ถึงแม้ว่าการประชุมนี้จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้เป็นครั้งที่ค่อนข้างสำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงที่ Fed อาจจะต้องตัดสินใจว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดว่า Fed อาจมีการส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่อง ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนได้ 
  • หากพิจารณาจากผลการประชุมประจำเดือน ก.ค. Fed เริ่มมีมุมมองต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งในแง่เงินเฟ้อ และ อัตราการว่างงาน แต่ยังคงมีความกังวลถึงการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ที่จะยังคงต้องติดตามและประเมินอย่างใกล้ชิด ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ Fed เลื่อนเวลาการส่งสัญญาณการลดการอัดฉีดสภาพคล่องออกไปได้

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงเดือนสิงหาคม

  • ในเดือน ส.ค. ตลาดหุ้นทั่วโลก อาจเผชิญความผันผวน จากประเด็นที่ได้กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensives เช่น กลุ่ม Information Technology หรือ กลุ่ม Health Care ในสหรัฐฯ จึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำไรที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตการลงทุนได้ ซึ่งใน 1 เดือนที่ผ่านมา 2 กลุ่มนี้ทำผลตอบแทนได้โดดเด่น และเราเชื่อว่าจะยังคงมีโมนเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง

162763296471

  • สำหรับการลงทุนในหุ้นจีนที่ได้รับผลกระทบจาก policy risk ของรัฐบาล แม้เรายังมีมุมมองที่ดีต่อหุ้นในหลายบริษัท แต่การกลับเข้าลงทุนยังคงเหมาะสำหรับนลท.ที่มีมุมมองระยะยาว ยังไม่เหมาะสำหรับ นลท.ระยะสั้นจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นต่อทิศทางของรัฐบาล 
  • เรามองว่า US 10Y Treasury Yield มีโอกาสปรับขึ้น แต่จะไม่เร่งตัวขึ้นเร็วเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 ปี 2021  ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดว่าน่าจะปรับขึ้นได้ถึง 1.9% ในช่วงสิ้นปี(ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.25% as of 30 ก.ค.21) ประกอบกับส่วนต่าง ระหว่างUS 10Y Treasury Yield กับ US 2Y Treasury Yield ที่มีแนวโน้มลาดลง จะเป็นสภาวะที่ดีต่อตลาดหุ้นโดยรวมโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Information Technology หรือ กลุ่ม Health Care ที่มีโอกาสปรับขึ้นนำตลาดในระยะข้างหน้า

ที่มา: Goldman Sachs, ESU(TISCO Economic Strategy Unit),Ourworldindata,Bloomberg,Tradingeconomics

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว