SKN ผลประกอบการได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

SKN ผลประกอบการได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

กำไรสุทธิ 2Q22 เท่ากับ 148.6 ล้านบาท -33.8%QoQ และ -14.3%YoY  2Q22 บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 912.3 ล้านบาท ลดลง -12.9%QoQ และ -5.0%YoY ตามปริมาณการขายที่ลดลง เนื่องจากมีคำสั่งซื้อบางส่วน ที่ทำการผลิตแล้วแต่ถูกเลื่อนการส่งมอบออกไป

ด้านอัตรากำไรขึ้นต้นทำได้ที่ระดับ 40.8% ลดลงจาก 45.9% ใน 1Q22 และ 42.5% ใน 2Q21 โดยมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนกาว-สารเคมี และต้นพลังงานเพิ่มขึ้น ในส่วนของ SG&A/Sales อยู่ที่ระดับ 22.1% ลดลงจาก 23.0% ใน 1Q22 และ 22.5% ใน 2Q21  มีสาเหตุเนื่องจากปริมาณการขายและปริมาณการขายเงื่อนไข CFR (Cost and Freight = ผู้ขายรับภาระค่าใช้จ่าย และค่าขนส่งเพื่อการส่งของถึงปลายทาง) ที่ลดลง เป็นผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2Q22 เท่ากับ 148.6 ล้านบาท ลดลง -33.8%QoQ และ  -14.3%YoY
 

-  แนวโน้มผลประกอบการ 2H22 มีโอกาสชะลอตัวจากครึ่งปีแรก 

เราคงประมาณการรายได้ปี 22-23 ที่ระดับ 3,111.2 ล้านบาท และ 3,458 ล้านบาท -25.6%YoY และ +11.2%YoY พร้อมคงกำไรสุทธิปี 22-23 ที่ระดับ และ 442.9 ล้านบาท และ 492.2 ล้านบาท -43%YoY และ +11.2% ตามลำดับ โดยเรามองว่าแนวโน้มผลประกอบการ 2H22 มีโอกาสอ่อนตัวลงกว่า 1H22 โดยมีสาเหตุจาก  1)ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง กดดันต้นทุนวัตถุดิบสารเคมี ประกอบกับเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่า ส่งผลให้อัตรากำไรขึ้นต้นมีโอกาสชะลอตัวลง 2) ความต้องการซื้อ MDF มีแนวโน้มลดลง ส่งผลกระทบให้ราคาขายลดลง 3)โรงงาน MDF ในประเทศเวียดนามมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตปี 23-24 อาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาในอนาคต
 

 

 

 

-  คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 23 ที่ 8.90 บาท

เราปรับ PE Band ลงจากระดับ+1SD  ที่ 18.8 เท่า เป็น Average PE ที่ 14.4 เท่า เนื่องจากผลประการได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว หลังผ่านการ Restock สินค้ารอบใหญ่ พร้อมกับปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 23 ที่ 8.90 บาท (จากราคาเหมาะสมปี 22 ที่ 10.50 บาท) คงคำแนะนำ “ซื้อ”  โดยมี Upside จากราคาปัจจุบันราว 52.1%
 

ปัจจัยเสี่ยง
i)    ความผันผวนของราคาวัตถุดิบไม้
ii)   ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
iii)  ผู้บริโภคหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ประเภทอื่น