ป่วน | ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์

ป่วน | ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์

Hollywood มีผู้ผลิตภาพยนต์รายใหญ่ห้าราย พวกเขาคือ big five ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม

ทั้งห้ารายคือ Walt Disney Studios, Warner Brothers, in Paramount Pictures, Universal Pictures และ Sony Pictures ข่าวร้ายคือสามในห้ารายป่วยหนัก

คำถามป่วยเป็นโรคอะไร และอะไรคือต้นเหตุของโรคร้าย Disney เป็นผู้ผลิตรายใหญ่สุด ก่อนเหตุการณ์โควิด Disney มีสุขภาพที่แข็งแรงภายใต้การบริหารของ Bob Iger ที่เป็น CEO ต่อเนื่องสิบห้าปี Iger เปลี่ยนแปลง Disney

จากค่ายหนังที่มีมูลค่าองค์กร 48 พันล้านเหรียญเป็น 257 พันล้านเหรียญ ด้วยการซื้อกิจการ Pixar ในปี 2006 

ซื้อ Marvel ในปี 2009 ซื้อ Lucasfilm ในปี 2012 และในปี 2019 ซื้อกิจการ 20th Century Fox ทำให้ Disney เปี่ยมไปด้วยพลังที่ล้นเหลือ Pixar เป็นกลจักรสำคัญที่สร้าง computer animated film ทำให้หนัง Disney มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

ส่วน Lucasfilm มีลิขสิทธิทางปัญญาของหนังมหากาพย์อย่าง Star Wars 

ก่อนลงจากตำแหน่งในปี 2020 Iger เลือกเบอร์หนึ่งมาแทนเขาคือ Bob Chapek โดย Chapek เป็นลูกหม้อของ Disney ก่อนนั่งตำแหน่ง Chapek เป็นผู้บริหารของธุรกิจ theme park & resort

เมื่อมารับตำแหน่งยุทธศาสตร์หลักของเขาคือให้ความสำคัญกับธุรกิจใหม่คือ streaming service ภายใต้แบรนด์ Disney+ ความที่ Chapek มีประสบการณ์ด้านภาพยนต์น้อยทำให้เขาให้ความเห็นว่าหนังการ์ตูนเป็นหนังสำหรับเด็ก ที่ผู้ใหญ่ไม่ให้ความสนใจ

ในช่วงที่ Chapek เป็นเบอร์หนึ่งเขายกเลิก content ที่เป็นหนัง computer animated film หลายเรื่อง ทำให้แฟนของ Disney ผิดหวังกับการเปลี่ยนทิศทางของอาณาจักร Mickey Mouse 

ที่ร้ายไปกว่านั้น Chapek สร้างศัตรูโดยใช่เหตุ ในปี 2021 หนัง Black Widow ที่นำแสดงโดย Scarlett Johansson ออกฉายโดย Chapek ให้หนังเรื่องนี้ออกฉายทั้งในโรงภาพยนต์และใน Disney+ พร้อมกัน นี่เป็นการละเมิดสัญญาที่ Disney มีต่อตัวดาราคือ Johansson เพราะดารามีส่วนแบ่งจากรายได้ของภาพยนต์ที่ฉายในโรง เป็นผลให้ Johansson ฟ้องเรียกค่าเสียหาย

สุดท้ายตกลงกันได้โดย Disney ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับ Johansson และ Chapek ก็ไม่ยอมรับในการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้ในหมู่นักแสดงมีเครื่องหมายคำถามต่อความน่าเชื่อถือของตัวเขา

ในปลายปี 2022 คณะกรรมการบริษัทตัดสินใจให้ Chapek ลงจากตำแหน่ง แล้วให้ Iger มา turnaround ดินแดนมหัศจรรย์นี้อีกครั้ง งานรอบสองของ Iger ยากขึ้นกว่าเดิมมาก

มาถึงตรงนี้ผมขอเล่าเป็นสังเขปว่า Disney มีธุรกิจสี่ขา หนึ่งธุรกิจ linear & cable TV โดยมีสถานีโทรทัศน์ ABC และ cable TV อย่าง ESPN ซึ่งเดิมเป็น เครื่องพิมพ์ธนบัตรแบบ 24/7 มาถึงวันนี้ธุรกิจทั้งสองเป็นธุรกิจขาลง และลงเร็วมากโดยเฉพาะ ABC ถามว่าทำไม เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปมหาศาล

ธุรกิจที่สองคือธุรกิจภาพยนต์ที่ฉายในโรงหนัง ในปีที่ผ่านมาภาพยนต์ของ Disney ทำรายได้น่าผิดหวังมาก ตัวอย่างรายได้ของ The Little Mermaid 561 ล้านเหรียญ Indiana Jones and The Dial of Destiny ทำรายได้ 378 ล้านเหรียญ The Marvel ทำรายได้ 200 ล้านเหรียญ

สามธุรกิจ theme park & resort นี่เป็นธุรกิจที่เชิดหน้าชูตา มีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจ ธุรกิจสุดท้ายคือ streaming service ตั้งแต่เริ่มให้บริการในปี 2019 ธุรกิจนี้ขาดทุนรวม 11 พันล้านเหรียญ ทั้ง ๆ ที่มีสมาชิกถึง 150 ล้านครัวเรือน 

Iger มีงานหนักสามในสี่ของธุรกิจอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ความเห็นของ Iger ในช่วงแรกคือเขาจะขายธุรกิจ linear TV ส่วน ESPN เขาจำเป็นต้องหา strategic partner มาช่วยเดินไปข้างหน้าในยุค digital age ธุรกิจภาพยนต์ที่ฉายในโรงหนังเขามีความเห็นหนังภาคต่ออาจจะเริ่มขาดเสน่ห์

ธุรกิจ streaming เขามีความเห็นว่าคุณภาพต้องมาก่อนปริมาณ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนใจว่าเขาจะเก็บ ABC ไว้ใน portfolio แต่ไม่ได้บอกว่ายุทธศาสตร์ในการพลิกฟื้น ABC จะมีทิศทางอย่างไร

Warner Brothers เป็นผู้ผลิตที่มีอายุครบศตวรรษ ความโชคร้ายของ WB คือถูกซื้อและขายกิจการทำให้มีสุขภาพน่าเป็นห่วง ในปี 2018 WB ถูก AT&T ซื้อกิจการด้วยมูลค่า 85 พันล้านเหรียญเพื่อให้ AT&T เป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจโทรคมนาคมที่มี entertainmant content เป็น synergistic value creation เวลาผ่านไปสี่ปี AT&T มีหนี้สิน 180 พันล้านเหรียญ การซื้อกิจการ WB ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

สุดท้าย AT&T ขาย WB ในปี 2022 เป็นการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต มาถึงตรงนี้ David Zaslav ซึ่งเป็น CEO ของ Discovery ฉวยโอกาสทอง เขาติดต่อกับเบอร์หนึ่งของ AT&T ด้วยข้อเสนอให้ AT&T ขาย WB ให้กับ Discovery ในมูลค่า 43 พันล้านเหรียญ การซื้อขายครั้งนี้ไม่ใช่เป็น cash offering แต่เป็นการแลกหุ้นกัน

โดย AT&T จะเป็นผู้ถือหุ้นใน WB Discovery 71% ทำให้ผู้ถือหุ้นของ AT&T หนึ่งหุ้นจะได้รับหุ้น WB Discovery 0.24 หุ้น เป็นดีลที่สมอยากทั้งคนซื้อและคนขาย

ผู้ขายได้ขายสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการถือต่อ ถ้า AT&T เก็บ WB ไว้จะเจ็บหนักเพราะต้องลงทุนทั้งสองทางในธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจบันเทิง ผู้ซื้อก็สมอยากเพราะซื้อในราคาถูกและคนของ Discovery เป็นเบอร์หนึ่งขององค์กรที่ควบรวม ทั้ง ๆ ที่ Discovery มีมูลค่าขององค์กรต่ำกว่า WB มากพอควร

ยุทธศาสตร์ของ David Zaslav ในการบริหาร WBD มีง่าย ๆ คือสร้างกระแสเงินสดให้มากที่สุดเพื่อไปลดหนี้องค์กร ความที่ WBD เกิดจากการควบรวมที่เป็น money game หนี้สินสูงมาก วินาทีนี้ market cap. ของ WBD อยู่ที่ 27 พันล้านเหรียญในขณะที่หนี้สินระยะยาวอยู่ที่ 43 พันล้านเหรียญ

วิธีการของ Zaslav คือตัดค่าใช้จ่ายเป็นผลให้ภาพยนต์ที่อยู่ภายใต้การผลิตของ WB ถูกคุมกำเนิด ภาพยนต์บางเรื่องผลิตใกล้จะเสร็จแล้วถูกเก็บเข้ากรุ ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า The most hated man in Hollywood ผู้รู้ในวงการบันเทิงให้ความเห็นว่า Zaslav เป็นแค่ deal maker อาการป่วยของ WB เป็นเพราะถูกโยนไปมา เปลี่ยนเจ้าของเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่

Paramount เป็นผู้เล่นรายเล็กที่สุดในบรรดา big five ในอดีต Paramount รุ่งเรืองมาก เป็นค่ายหนังที่ผลิตภาพยนต์มหากาพย์อย่าง Godfather, Forrest Gump, Titanic, Top Gun ค่ายหนังนี้ถูกเปลี่ยนมือมาหลายครั้ง

สุดท้าย Summer Redstone ซึ่งเป็นเจ้าของเครือโรงภาพยนต์ซื้อ Paramount ในปี 1994 ด้วยมูลค่า 10 พันล้านเหรียญ

และในปี 1999 Redstone ซื้อสถานีโทรทัศน์ CBS ด้วยมูลค่า 37 พันล้านเหรียญ เพราะ CBS คือเครื่องพิมพ์ธนบัตรชั้นเลิศ ในปี 2019 Paramount รวมกิจการกับ CBS แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Paramount Global

ในอดีต CBS คือฐานการเงินที่ Paramount นำเงินจากความมั่งคั่งของสถานีโทรทัศน์มาป้อนให้กับธุรกิจ theatrical business แต่วันนี้สถานะการเปลี่ยนไป รายได้โฆษณาจาก CBS ลดลงต่อเนื่อง ฐานะทางการเงินของ Paramount Group อ่อนแอมาก ถึงขนาดถูกลดชั้นจาก credit rating agency มาอยู่ที่ BBB- ฐานะการเงินนี้คือชั้นต่ำสุดที่องค์กรจะเป็น investment grade ภาะหนี้ของ Paramount อยู่ที่ 15 พันล้านเหรียญ ในขณะที่องค์กรมี market cap. ที่ 10 พันล้านเหรียญ 

ความไม่สมดุลย์ทางการเงินทำให้ Wall Street มีคำถามว่า Paramount จะมีชีวิตต่อได้หรือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Shari Redstone ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ก่อตั้งพยายามหาดีลทางการเงินเพื่อต่อท่อ oxygen ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ในสองเดือนที่ผ่านมามีผู้สนใจขอซื้อ Paramount Group ถึงสองราย

รายแรกคือ Skydance Media พวกเขาเป็นผู้ผลิตรายหนึ่งที่ทำงานร่วมกับ Paramount Group ในการลงทุนร่วมสร้างภาพยนต์ที่ทำเงินมากคือ Top Gun: Maverick และ Mission Impossible ผู้ก่อตั้ง Skydance Media คือ David Ellison ซึ่งเป็นลูกของ Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle ความสำเร็จในเวลาอันสั้นทำให้ Skydance Media คิดการใหญ่ขอซื้อ Paramount Group ฐานะทางการเงินของ Skydance เข้าขั้นดีมาก

ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย equity firm อย่าง KKR และ technology firm ระดับโลกอย่าง Tencent และครอบครัว Ellison

ผู้ซื้อรายที่สองคือ WBD ไม่กี่วันหลังจากข่าว Skydance ขอเจรจากับ Shari Redstone ทาง WBD ติดต่อขอซื้อ Paramount Group ผมมีความเห็นว่า WBD กับ Paramount คงจบลงได้ยาก สาเหตุมาจากองค์กรทั้งสองมีหนี้สินสูง เปรียบเสมือนคนตาบอดจูงมือคนหูหนวก 

ต้นเหตุมาจากเรื่องเรื่องเดียวครับ landscape change และนี่เป็นสัญญาณเตือนภัยกับผู้ประกอบการบ้านเราเปลี่ยนตัวเองก่อนจะไฟไหม้ “บ้าน”